เปิดคู่มือกระเป๋า Chanel กระเป๋าแบรนด์เนมสุดคลาสสิกที่อยู่เหนือทุกกาลเวลา EP.3

เปิดคู่มือกระเป๋า “Chanel”

กระเป๋าแบรนด์เนมสุดคลาสสิกที่อยู่เหนือทุกกาลเวลา

 

ตอนที่ 3/4 : วัสดุหลักที่ใช้และส่วนของอุปกรณ์ที่เป็นโลหะบนกระเป๋า Chanel

 

จากตอนที่แล้ว ใน EP.2 เราได้พูดถึง “รุ่นและขนาดของกระเป๋า Chanel ในคอลเลกชั่น Classic” กันไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละรุ่นก็มีการใช้วัสดุและอุปกรณ์โลหะที่แตกต่างกัน และวันนี้ SF Brandname ก็ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นมาฝากกันอย่างต่อเนื่องว่าวัสดุ และอุปกรณ์โลหะต่างๆ บนกระเป๋า Chanel รุ่นต่างๆนั้นจะมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง เราไปดูพร้อมๆกันเลย

 

วัสดุหลักที่ใช้ (Main Materials)


 

หนัง Caviar หรือ หนัง Grained Calfskin

หนัง Caviar ของ Chanel นั้นก็คือ หนังวัวที่ถูกนำไปอัดลายเม็ดนูนๆ นั่นเอง ซึ่งรู้กันดีว่าเป็นหนึ่งในหนังที่มีความทนทานสูง อีกทั้งยังมีทรวดทรงและลักษณะที่ดีเกิดรอยขีดข่วนได้ยาก หรือถ้าหากเกิดรอยขีดข่วนก็สามารถกำจัดออกได้ง่ายอีกด้วย และด้วยเหตุผลดัวกล่าว ทำหนัง Caviar เป็นที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะสามารถนำไปใช้งานได้ในทุกๆ วันนั่นเอง

 

หนัง Lambskin

หนัง Lambskin ของ Chanel เป็นหนังที่ทุกคนรู้กันดีว่ามีความละมุน หรูหรา และนิ่มนวล แต่ข้อเสียก็คือ หนังชนิดนี้มีความบอบบางมาก สามารถเกิดรอยขีดข่วนและรอยด่างได้ง่าย และเมื่อเวลาผ่านไปหนังชนิดนี้จะแฟบแบนลงเรื่อยๆ อีกด้วย

 

หนัง Crinkled Calfskin

หนัง Crinkled Calfskin ของ Chanel เป็นหนังวัวที่มีความนุ่ม ลักษณะพิเศษของมันก็คือ เป็นหนังที่มีรอยยับย่นนั่นเอง แต่ถึงจะมีความนุ่ม แต่ก็มีความทนทานเช่นเดียวกันหนัง Caviar ส่วนใหญ่หนังชนิดนี้จะถูกนำไปใช้ผลิตกระเป๋า Chanel

รุ่น Reissue Flap

 

ดอกคาเมลเลีย (Camellia Flower)

เช่นเดียวกับสไตล์ส่วนใหญ่ของ Chanel ซึ่งจะมาจากเรื่องราวของ Coco Chanel

โดยเรื่องราวเหล่านั้นจะสะท้อนให้เห็นถึงสไตล์และการออกแบบที่หลากหลายจากแบรนด์ Chanel จนมาถึงปัจจุบัน อย่างเช่นเรื่องราวของ “ดอกคาเมลเลีย” ซึ่งเป็นดอกไม้ที่ Coco Chanel ชื่นชอบอย่างมาก หลังจากได้รับช่อดอกคาเมลเลียจาก Boy Capel หลังจากนั้นเธอก็ได้เริ่มปักดอกคาเมลเลียและนำไปติดไว้บนปกเสื้อคลุม รวมทั้งทำพินดอกคาเมลเลียเพื่อนำไปติดผมของเธอ อีกทั้งยังมาพร้อมกับหนังนูนที่มีลวดลายของดอกคาเมลเลีย และมีโลโก้ CC อยู่ด้านในอันเป็นลักษณะเฉพาะอีกด้วย

 

หนัง Patent

หนัง Patent ของ Chanel หรือที่เรียกกันคุ้นหูว่า “หนังแก้ว” นั้นใช้สำหรับกระเป๋าทุกรุ่นในคอลเลกชั่นคลาสสิก หนัง Patent มีลักษณะมันวาวและสวยงาม แต่สามารถเกิดรอยต่างๆ ได้ง่าย เช่น ลายนิ้วมือและรอยขีดข่วนต่างๆ หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม

 

ในส่วนของอุปกรณ์ที่เป็นโลหะ (Hardware)

– สายโซ่ (Chain Handle)

สายโซ่ของกระเป๋า Chanel นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากสายรัดของกระเป๋าทหาร

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Chanel ได้เปิดตัวสายโซ่หลากหลายแบบบนกระเป๋าซึ่งทั้งหมดเป็นลักษณะเฉพาะของ Chanel ที่ได้รับความนิยม แต่ก็มีอยู่แบบหนึ่งที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง นั่นก็คือ การสานรวมกันระหว่างสายโซ่กับสายหนังนั่นเอง ซึ่งคุณจะเห็นสายโซ่ลักษณะนั้นอยู่บนกระเป๋า Chanel รุ่น Classic Flap นั่นเอง ว่ากันว่าสายโซ่เหล่านั้นมีลักษณะคล้ายกับที่สิ่งแม่ชีใช้ในฐานะผู้ถือกุญแจในเวลานั้น ในขณะที่ Coco Chanel กำลังเติบโตขึ้นมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

– สายโซ่ Bijoux

Chanel ได้ผลิตสายโซ่ Bijoux ขึ้นในปี 2007 และ 2008 โดยสายโซ่ Bijoux จะมีลักษณะเป็นข้อใหญ่ๆ เชื่อมต่อกัน ซึ่งแต่ก่อนสายโซ่ Bijoux จะอยู่บนกระเป๋า Chanel รุ่น Classic Flab แต่ปัจจุบัน Chanel ได้ถูกยกเลิกและได้เปลี่ยนเป็นสายโซ่รูปแบบใหม่

 

ตัวล็อคบนตัวกระเป๋า Chanel


– ตัวล็อค CC (CC Turnlock)

ในปี 1983 เมื่อ Karl Lagerfeld เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าดีไซเนอร์ที่ Chanel เขาได้แนะนำให้มีการออกแบบตัวล็อค CC ให้กับกระเป๋า Chanel รุ่น Classic Flab

– ตัวล็อค Mademoiselle (Mademoiselle Turnlock)

ในปี 2005 Karl Lagerfeld ได้เปิดตัวกระเป๋า Chanel รุ่น Classic Flab แบบใหม่เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีของกระเป๋ารุ่นนี้ โดยมีตัวล็อคแบบใหม่ นั่นก็คือ ตัวล็อค “Mademoiselle” (แปลว่า “นางสาว” ในภาษาฝรั่งเศษ) โดยตัวล็อค “Mademoiselle” นี้ได้รับการแรงบันดาลใจมากจาก Coco Chanel อีกเช่นกัน เพราะว่าเธอไม่เคยแต่งงานนั่นเอง

– ตัวล็อก Boy Logo Closure

ลักษณะตัวล็อค Boy Logo Closure และการเปิด/ปิดกระเป๋านี้ได้ถูกเปิดตัวในฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาวปี 2011 โดยการออกแบบของ Karl Lagerfeld เช่นเคย โดยตัวล็อคและการล็อคที่ไม่ซ้ำใครนี้ ประกอบไปด้วยโลโก้ CC พร้อมด้วยปุ่มกดที่เป็นเอกลักษณ์ โดย Karl Lagerfeld ได้กล่าวไว้ว่า วิญญาณของ Coco Chanel นั้นได้รับแรงบันดาลใจมากจาก Boy Capel ซึ่งเป็นความรักที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอทำให้เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมคอลเล็กชั่นนี้จึงถูกเรียกว่า “Boy Chanel” นั่นเอง

 

วันนี้เราก็มาถึงตอนที่ 3 ของการเปิดคู่มือกระเป๋า “Chanel”

กระเป๋าแบรนด์เนมสุดคลาสสิกที่อยู่เหนือทุกกาลเวลากันแล้ว

หวังว่าเรื่องราวที่ SF Brandname ได้นำมาฝากในวันนี้จะถูกใจ

สาวกกระเป๋าแบรนด์เนมทั้งหลาย แต่แน่นอนว่า มันยังไม่จบ

เพียงเท่านี้ เพราะเรื่องราวเกี่ยวกับ Chanel นั้นมีมากมาย

เพราะฉะนั้นอย่าลืมติดตามกันต่อในตอนที่ 4 (ตอนสุดท้าย)

สัปดาห์หน้าที่ corp.sfbrandname.com
ที่เดียวเท่านั้นนะจ๊ะ

รับรองได้ว่า เรื่องราวเกี่ยวกับ Chanel จาก SF Brandname

“สนุกและไม่น่าเบื่อ” แน่นอน!!

 

หากท่านกำลังมองหา กระเป๋าชาแนลมือสอง ราคาคุ้มค่า

เชิญมาเลือกซื้อได้ที่ SF Brandname @101 True digital_park

สุขุมวิท 101 ใกล้ BTS ปุณณวิถี เราพร้อมให้บริการ

#SFBrandname 
#SFBrandnameGrandOpening 
#101THETHIRDPACE

Line :  @SFBrandnamebkk

หรือคลิ๊ก bit.ly/2UA8wq7

FB : SFshopbrandname

หรือคลิ๊ก bit.ly/2BeSfzw

IG : SFBrandname

หรือคลิ๊ก bit.ly/2MIJW3

TEL : 082-676-9094