เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้ เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้เพื่อสร้างประสบการณ์นำเสนอคอนเทนต์ที่ดีให้กับท่าน รวมถึงเพื่อนจัดการข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ที่ดี บนบริการของเว็บไซต์เรา หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้ต่อไป โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ นั่นเป็นการแสดงว่าท่านอนุญาตยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา เรียนรู้เพิ่มเติม
เปิดคู่มือกระเป๋า Chanel กระเป๋าแบรนด์เนมสุดคลาสสิกที่อยู่เหนือทุกกาลเวลา EP.3
เปิดคู่มือกระเป๋า Chanel กระเป๋าแบรนด์เนมสุดคลาสสิกที่อยู่เหนือทุกกาลเวลา EP.3
- Designers
- 7 May 2021
- Read Time: 5
เปิดคู่มือกระเป๋า “Chanel”
กระเป๋าแบรนด์เนมสุดคลาสสิกที่อยู่เหนือทุกกาลเวลา
ตอนที่ 3/4 : วัสดุหลักที่ใช้และส่วนของอุปกรณ์ที่เป็นโลหะบนกระเป๋า Chanel
จากตอนที่แล้ว ใน EP.2 เราได้พูดถึง “รุ่นและขนาดของกระเป๋า Chanel ในคอลเลกชั่น Classic” กันไปแล้ว ซึ่งแน่นอนว่าแต่ละรุ่นก็มีการใช้วัสดุและอุปกรณ์โลหะที่แตกต่างกัน และวันนี้ SF Brandname ก็ได้นำข้อมูลเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นมาฝากกันอย่างต่อเนื่องว่าวัสดุ และอุปกรณ์โลหะต่างๆ บนกระเป๋า Chanel รุ่นต่างๆนั้นจะมีที่มาที่ไปอย่างไรบ้าง เราไปดูพร้อมๆกันเลย
วัสดุหลักที่ใช้ (Main Materials)
– หนัง Caviar หรือ หนัง Grained Calfskin
หนัง Caviar ของ Chanel นั้นก็คือ หนังวัวที่ถูกนำไปอัดลายเม็ดนูนๆ นั่นเอง ซึ่งรู้กันดีว่าเป็นหนึ่งในหนังที่มีความทนทานสูง อีกทั้งยังมีทรวดทรงและลักษณะที่ดีเกิดรอยขีดข่วนได้ยาก หรือถ้าหากเกิดรอยขีดข่วนก็สามารถกำจัดออกได้ง่ายอีกด้วย และด้วยเหตุผลดัวกล่าว ทำหนัง Caviar เป็นที่ได้รับความนิยมสูงสุด เพราะสามารถนำไปใช้งานได้ในทุกๆ วันนั่นเอง
– หนัง Lambskin
หนัง Lambskin ของ Chanel เป็นหนังที่ทุกคนรู้กันดีว่ามีความละมุน หรูหรา และนิ่มนวล แต่ข้อเสียก็คือ หนังชนิดนี้มีความบอบบางมาก สามารถเกิดรอยขีดข่วนและรอยด่างได้ง่าย และเมื่อเวลาผ่านไปหนังชนิดนี้จะแฟบแบนลงเรื่อยๆ อีกด้วย
– หนัง Crinkled Calfskin
หนัง Crinkled Calfskin ของ Chanel เป็นหนังวัวที่มีความนุ่ม ลักษณะพิเศษของมันก็คือ เป็นหนังที่มีรอยยับย่นนั่นเอง แต่ถึงจะมีความนุ่ม แต่ก็มีความทนทานเช่นเดียวกันหนัง Caviar ส่วนใหญ่หนังชนิดนี้จะถูกนำไปใช้ผลิตกระเป๋า Chanel
รุ่น Reissue Flap
– ดอกคาเมลเลีย (Camellia Flower)
เช่นเดียวกับสไตล์ส่วนใหญ่ของ Chanel ซึ่งจะมาจากเรื่องราวของ Coco Chanel
โดยเรื่องราวเหล่านั้นจะสะท้อนให้เห็นถึงสไตล์และการออกแบบที่หลากหลายจากแบรนด์ Chanel จนมาถึงปัจจุบัน อย่างเช่นเรื่องราวของ “ดอกคาเมลเลีย” ซึ่งเป็นดอกไม้ที่ Coco Chanel ชื่นชอบอย่างมาก หลังจากได้รับช่อดอกคาเมลเลียจาก Boy Capel หลังจากนั้นเธอก็ได้เริ่มปักดอกคาเมลเลียและนำไปติดไว้บนปกเสื้อคลุม รวมทั้งทำพินดอกคาเมลเลียเพื่อนำไปติดผมของเธอ อีกทั้งยังมาพร้อมกับหนังนูนที่มีลวดลายของดอกคาเมลเลีย และมีโลโก้ CC อยู่ด้านในอันเป็นลักษณะเฉพาะอีกด้วย
– หนัง Patent
หนัง Patent ของ Chanel หรือที่เรียกกันคุ้นหูว่า “หนังแก้ว” นั้นใช้สำหรับกระเป๋าทุกรุ่นในคอลเลกชั่นคลาสสิก หนัง Patent มีลักษณะมันวาวและสวยงาม แต่สามารถเกิดรอยต่างๆ ได้ง่าย เช่น ลายนิ้วมือและรอยขีดข่วนต่างๆ หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม
ในส่วนของอุปกรณ์ที่เป็นโลหะ (Hardware)
– สายโซ่ (Chain Handle)
สายโซ่ของกระเป๋า Chanel นั้นได้รับแรงบันดาลใจมาจากสายรัดของกระเป๋าทหาร
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา Chanel ได้เปิดตัวสายโซ่หลากหลายแบบบนกระเป๋าซึ่งทั้งหมดเป็นลักษณะเฉพาะของ Chanel ที่ได้รับความนิยม แต่ก็มีอยู่แบบหนึ่งที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง นั่นก็คือ การสานรวมกันระหว่างสายโซ่กับสายหนังนั่นเอง ซึ่งคุณจะเห็นสายโซ่ลักษณะนั้นอยู่บนกระเป๋า Chanel รุ่น Classic Flap นั่นเอง ว่ากันว่าสายโซ่เหล่านั้นมีลักษณะคล้ายกับที่สิ่งแม่ชีใช้ในฐานะผู้ถือกุญแจในเวลานั้น ในขณะที่ Coco Chanel กำลังเติบโตขึ้นมาในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า
– สายโซ่ Bijoux
Chanel ได้ผลิตสายโซ่ Bijoux ขึ้นในปี 2007 และ 2008 โดยสายโซ่ Bijoux จะมีลักษณะเป็นข้อใหญ่ๆ เชื่อมต่อกัน ซึ่งแต่ก่อนสายโซ่ Bijoux จะอยู่บนกระเป๋า Chanel รุ่น Classic Flab แต่ปัจจุบัน Chanel ได้ถูกยกเลิกและได้เปลี่ยนเป็นสายโซ่รูปแบบใหม่
ตัวล็อคบนตัวกระเป๋า Chanel
– ตัวล็อค CC (CC Turnlock)
ในปี 1983 เมื่อ Karl Lagerfeld เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าดีไซเนอร์ที่ Chanel เขาได้แนะนำให้มีการออกแบบตัวล็อค CC ให้กับกระเป๋า Chanel รุ่น Classic Flab
– ตัวล็อค Mademoiselle (Mademoiselle Turnlock)
ในปี 2005 Karl Lagerfeld ได้เปิดตัวกระเป๋า Chanel รุ่น Classic Flab แบบใหม่เพื่อฉลองครบรอบ 50 ปีของกระเป๋ารุ่นนี้ โดยมีตัวล็อคแบบใหม่ นั่นก็คือ ตัวล็อค “Mademoiselle” (แปลว่า “นางสาว” ในภาษาฝรั่งเศษ) โดยตัวล็อค “Mademoiselle” นี้ได้รับการแรงบันดาลใจมากจาก Coco Chanel อีกเช่นกัน เพราะว่าเธอไม่เคยแต่งงานนั่นเอง
– ตัวล็อก Boy Logo Closure
ลักษณะตัวล็อค Boy Logo Closure และการเปิด/ปิดกระเป๋านี้ได้ถูกเปิดตัวในฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาวปี 2011 โดยการออกแบบของ Karl Lagerfeld เช่นเคย โดยตัวล็อคและการล็อคที่ไม่ซ้ำใครนี้ ประกอบไปด้วยโลโก้ CC พร้อมด้วยปุ่มกดที่เป็นเอกลักษณ์ โดย Karl Lagerfeld ได้กล่าวไว้ว่า วิญญาณของ Coco Chanel นั้นได้รับแรงบันดาลใจมากจาก Boy Capel ซึ่งเป็นความรักที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอทำให้เป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมคอลเล็กชั่นนี้จึงถูกเรียกว่า “Boy Chanel” นั่นเอง
วันนี้เราก็มาถึงตอนที่ 3 ของการเปิดคู่มือกระเป๋า “Chanel”
กระเป๋าแบรนด์เนมสุดคลาสสิกที่อยู่เหนือทุกกาลเวลากันแล้ว
หวังว่าเรื่องราวที่ SF Brandname ได้นำมาฝากในวันนี้จะถูกใจ
สาวกกระเป๋าแบรนด์เนมทั้งหลาย แต่แน่นอนว่า มันยังไม่จบ
เพียงเท่านี้ เพราะเรื่องราวเกี่ยวกับ Chanel นั้นมีมากมาย
เพราะฉะนั้นอย่าลืมติดตามกันต่อในตอนที่ 4 (ตอนสุดท้าย)
สัปดาห์หน้าที่ corp.sfbrandname.com
ที่เดียวเท่านั้นนะจ๊ะ
รับรองได้ว่า เรื่องราวเกี่ยวกับ Chanel จาก SF Brandname
“สนุกและไม่น่าเบื่อ” แน่นอน!!
หากท่านกำลังมองหา กระเป๋าชาแนลมือสอง ราคาคุ้มค่า
เชิญมาเลือกซื้อได้ที่ SF Brandname @101 True digital_park
สุขุมวิท 101 ใกล้ BTS ปุณณวิถี เราพร้อมให้บริการ
#SFBrandname
#SFBrandnameGrandOpening
#101THETHIRDPACE
Line : @SFBrandnamebkk
หรือคลิ๊ก bit.ly/2UA8wq7
FB : SFshopbrandname
หรือคลิ๊ก bit.ly/2BeSfzw
IG : SFBrandname
หรือคลิ๊ก bit.ly/2MIJW3
TEL : 082-676-9094