All about Hermes Birkin Bag

All about Hermes Birkin Bag ไม่ว่าจะเป็นการปรากฏตัวบนซีรีย์ Sex and the City ที่สร้างกระแสดังข้ามคืน หรือแม้แต่การต่อคิวรอ Waiting List เป็นเวลาหลายปี เรื่องราวต้นกำเนิดกระเป๋าที่เริ่มต้นจากกระดาษใส่ถุงสำหรับอาเจียนบนเครื่องบิน ซึ่งนั่น ยังไม่รวมถึงมูลค่าการซื้อขาย ซึ่งเพิ่มสูงขึ้นตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเป็นเจ้าของมัน ใช่...เรากำลังพูดถึง Hermes Birkin หนึ่งในกระเป๋าที่ทรงอิทธิพลที่สุดในวงการแฟชั่นขณะนี้

Hermès Birkin เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและความพิเศษเฉพาะตัวในโลกแห่งแฟชั่น เรื่องราวกระเป๋า Birkin ทุกอย่างเริ่มต้นขึ้น ในปี ค.ศ. 1984 เรื่องราวมนต์ขลังของสุดยอดกระเป๋า ที่มิใช่เป็นเพียงสินค้าฟุ่มเฟือยเท่านั้น แต่มันยังเป็นสินทรัพย์ ที่สามารถนำไปลงทุน และยังมีความเสี่ยงน้อยกว่าการลงทุนในตลาดหุ้นหรือแม้แต่การลงทุนในทองคำเสียอีก SF Brandname จะนำทุกท่านไปทำความรู้จักสุดยอดกระเป๋าตลอดกาลรุ่นนี้ให้ดียิ่งขึ้น

 

History of the Hermès Birkin Bag : ประวัติความเป็นมาของกระเป๋าแอร์เมสเบอร์กิ้นส์

History of the Hermès Birkin Bag : ประวัติความเป็นมาของกระเป๋าแอร์เมสเบอร์กิ้นส์

เรื่องราวของกระเป๋าแห่งประวัติศาสตร์รุ่นนี้ เริ่มต้นขี้นเมื่อปี ค.ศ. 1984 บนเที่ยวบินจากปารีสไปลอนดอน โดยสายการบิน Air France การพบกันระหว่าง นักแสดงและนักร้อง Jane Birkin กับ Jean-Louis Dumas ผู้บริหารระดับสูงของแบรนด์ Hermes ในขณะนั้น ในระหว่างการสนทนา Birkin แสดงออกถึงความต้องการกระเป๋าที่ใช้งานได้จริงแต่มีสไตล์ ซึ่งนำไปสู่การสร้างกระเป๋า Birkin ที่โด่งดังในปัจจุบัน

เป็นที่ทราบกันดีกว่า เจนเป็นคนที่นิยมพกพาตะกร้าสานติดตัวไปไหนต่อไหนเป็นประจำ ซึ่งถือได้ว่าตะกร้าสานนี้เปรียบเสมือนกระเป๋าประจำตัวของเธอก็ไม่ผิด และเหตุการณ์ที่เป็นจุดกำเนิดของ Birkin ก็เริ่มต้นขึ้น

History of the Hermès Birkin Bag : ประวัติความเป็นมาของกระเป๋าแอร์เมสเบอร์กิ้นส์ hermes birkin

เจนพยายามที่จะจัดเก็บตะกร้าสานของเธอ บนที่เก็บของเหนือศีรษะ แต่ด้วยความเทอะทะของตะกร้าที่มีขนาดไม่พอเหมาะกับช่องเก็บของ ทำให้เกิดความผิดพลาด ตะกร้าสานของเธอฝาเปิด พลิกคว่ำ ตกลงบนพื้น ข้าวของกระจัดกระจาย ฌอง หลุยส์ สังเกตเห็นดังนั้น เขาจึงเสนอที่จะออกแบบกระเป๋าแบบใหม่ให้แก่เธอ โดยทำการร่างแบบกระเป๋าในแบบที่เจนต้องการลงบนถุงใส่อาเจียนที่มีบริการบนเครื่องบิน และอีก 1 ปีต่อมา กระเป๋า Birkin Bag ใบแรกก็ได้ถือกำเนิดขึ้น

กระเป๋าของเจน เบอร์กิ้นส์

การออกแบบที่เป็นนวัตกรรมใหม่ของกระเป๋า Birkin ในขณะนั้นประกอบด้วยหูจับแบบม้วน 2 อัน ด้านบนแบบมีฝาปิด ฐาน “ขา” และตัวล็อค การออกแบบที่ใช้งานได้จริงและสง่างามนี้ยังคงครองใจนักสะสมของ Hermès และ Birkin ได้รับการรังสรรค์อย่างพิถีพิถันโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญการซึ่งใช้เวลาในการผลิตแต่ละชิ้นเป็นเวลาอย่างน้อย 18 ชั่วโมง และใช้เวลาในการตัดเย็บทั้งหมด 48 ชั่วโมง โดยช่างเพียงคนเดียว

History of the Hermès Birkin Bag : ประวัติความเป็นมาของกระเป๋าแอร์เมสเบอร์กิ้นส์-hermes-birkin-สั่งทำ

ช่างฝีมือเพียงคนเดียวสรรค์สร้างและทำการประกอบชิ้นส่วนต่าง ๆ ของกระเป๋าเข้าด้วยกัน กระเป๋า Birkin แต่ละใบมีรหัสเฉพาะซึ่งระบุปีที่ผลิต โรงงานที่ผลิต และช่างฝีมือที่รับผิดชอบในการผลิตกระเป๋าใบนั้น ๆ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไม การเป็นเจ้าของกระเป๋า Birkin สักใบ จึงไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจต้องรอคิวนานถึง 6 ปีเลยทีเดียว

การซื้อ Birkin โดยตรงจาก Hermès ไม่ใช่เรื่องง่าย ลูกค้าต้องมีประวัติการซื้อกับแบรนด์ และร้านบูติกจะได้รับอนุญาตให้สั่งซื้อ Birkins ในจำนวนจำกัดปีละสองครั้งเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น ลูกค้าจะไม่สามารถเลือกสีหรือเลือกอะไหล่ได้ คุณอาจระบุความต้องการของคุณได้ แต่ไม่สามารถการันตีได้ว่า จะได้รับกระเป๋าตามแบบที่คุณต้องการ ทำให้ลูกค้าได้กระเป๋าที่ต้องการมาอย่างยากลำบาก ความพิเศษเฉพาะนี้ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับกระเป๋า Hermès Birkin ให้เป็นที่ต้องการยิ่งขึ้นไปอีก

 

 

Birkin Bag Sizes

กระเป๋า Birkin มาในสี่ขนาดมาตรฐานได้แก่ Birkin 25, Birkin 30, Birkin 35 และ Birkin 40 แต่ในปัจจุบัน มีขนาด 20 ออกมาแต่มีจำหน่ายในรุ่น Limited Edition Birkin Faubourg เท่านั้น คนวงในกล่าวว่า Birkin 20 จะวางจำหน่ายในวัสดุและหนังแปลกใหม่ ซึ่งจะวางจำหน่ายเฉพาะบูทีคในปารีสเท่านั้น มีการแชร์รูปภาพบางส่วนของ Birkin 20 บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย แต่ยังไม่ทราบขนาดที่มีในวงกว้างกว่านี้

ขนาด-Birkin Bag Sizes-กระเป๋า-ขนาดแอร์เมส

ขนาดของ Birkin ขึ้นอยู่กับความยาวที่วัดจากฐานเป็นเซนติเมตร ตัวอย่างเช่น Birkin 35 มีความยาว 35 เซนติเมตรเมื่อวัดจากฐานกระเป๋า สำหรับกระเป๋า Birkin 25 มีขนาดใหญ่พอที่จะใส่สิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันของคุณ ในขณะที่ Birkin 30 ซึ่งเป็นขนาดที่ได้รับความนิยมที่สุด มีพื้นที่สำหรับสิ่งของจำเป็นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าสำหรับใส่เครื่องสำอางค์หรือคอมพิวเตอร์แท็บเล็ต สำหรับขนาด 35 สามารถใส่สิ่งของจำเป็นและแล็ปท็อปขนาดเล็กได้ และขนาด 40 มักถูกใช้เป็นกระเป๋าเดินทางด้วยการตกแต่งภายในที่กว้างขวาง

กระเป๋า Birkins ทุกใบจะมีช่องกระเป๋าด้านในหนึ่งช่อง และส่วนที่เหลือเป็นช่องเดียว ฐานด้านล่างคงรูปทรงและไม่หักงอแม้ใช้งานนานหลายปี ขนาดของกระเป๋า Birkin มีดังต่อไปนี้

  • Birkin 25 : ขนาดอยู่ที่ 25 x 30 x 13 เซนติเมตร (10 x 8 x 5 นิ้ว)
  • Birkin 30 :  ขนาดอยู่ที่ 30 x 22 x 16 เซนติเมตร (11.5 x 9 x 6 นิ้ว)
  • Birkin 35 : ขนาดอยู่ที่ 35 x 25 x 18 เซนติเมตร (14 x 10 x 7 นิ้ว)
  • Birkin 40 : ขนาดอยู่ที่ 40 x 30 x 21 เซนติเมตร (16 x 12 x 8 นิ้ว)

และยังมี Birkin ขนาดพิเศษหายากอีก 3 ขนาด ได้แก่

  • Birkin 42 : เป็นขนาดที่สมดุลระหว่างการใช้งานจริงและความกว้างขวาง ด้วยความกว้างของฐานที่ใหญ่กว่าเล็กน้อย จึงมีพื้นที่มากกว่าขนาด Birkin มาตรฐาน ในขณะที่ยังคงรูปลักษณ์ที่โฉบเฉี่ยวและหรูหรา ขนาดนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระเป๋าอเนกประสงค์ที่สามารถรองรับทั้งสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันและสิ่งของอื่น ๆ ขนาดของกระเป๋าอยู่ที่ 42 x 24 x 48 เซนติเมตร (16.5 x 9.5 x 7 นิ้ว)
  • Birkin 45 : เป็นตัวเลือกขนาดใหญ่ที่ดึงดูดความสนใจด้วยมิติที่น่าประทับใจ ออกแบบมาเพื่อใส่สิ่งของได้จำนวนมาก โดยมีพื้นที่เพียงพอสำหรับใส่สิ่งของเพียงพอสำหรับการเดินทางระยะสั้น เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักเดินทางหรือผู้ที่ต้องการกระเป๋าที่มีพื้นที่เก็บของกว้างขวาง มาพร้อมขนาด 45 x 31 x 23 เซนติเมตร (17.7 x 12.2 x 9.1 นิ้ว)
  • Birkin 50 : เป็นตัวอย่างที่ดีเลิศของขนาดและความยิ่งใหญ่ในคอลเลกชั่น Hermes Birkin ด้วยขนาดที่โดดเด่น ทำให้มีพื้นที่จัดเก็บมากมาย สำหรับใครที่ต้องการพื้นที่จำนวนมากเป็นพิเศษ เหมาะสำหรับกระเป๋าเดินทางช่วงสุดสัปดาห์ ขนาด 50 นี้เป็นขนาดที่หายากและพิเศษเฉพาะที่แสดงถึงความหรูหราและความฟุ่มเฟือยขั้นสุดยอด ทำให้เป็นตัวเลือกที่เป็นที่ต้องการสำหรับบุคคลที่มีรสนิยมที่เฉียบแหลมและความต้องการเฉพาะด้าน มาพร้อมขนาด 50 x 43 x 27 เซนติเมตร (19 x 17 x 10.5 นิ้ว)

Birkin Bag Sizes-ขนาด

โดยสรุป เบอร์กิ้นแต่ละขนาดมีลักษณะเฉพาะตัวและมีเสน่ห์เป็นของตัวเอง ทำให้ยากต่อการเลือกเพียงขนาดเดียว อย่างไรก็ตาม การพิจารณาสไตล์ส่วนตัวและความต้องการของคุณเป็นสิ่งสำคัญเมื่อเลือกขนาดที่เหมาะกับคุณ ไม่ว่าคุณจะเลือก Birkin 25 ขนาดกะทัดรัดหรือ Birkin 35 ที่กว้างขวาง กระเป๋า Birkin จะช่วยยกระดับเครื่องแต่งกายและกลายเป็นสิ่งล้ำค่าในคอลเลกชันของคุณอย่างแน่นอน

 

Classic Birkin Bag Materials

Birkin ได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นใหม่หลายครั้งนับตั้งแต่เปิดตัวในปี ค.ศ. 1984 แตกต่างมากมายด้วยความหลากหลายของวัสดุหนังที่นำมาตัดเย็บ รวมถึงหนังหายากชนิดต่าง ๆ ที่มีความพิเศษและผ่านกรรมวิธีอันซับซ้อน สำหรับกระเป๋ารุ่น limited edition กระเป๋า Birkin ใบแรก ถูกตัดเย็บด้วยหนังลูกวัว ซึ่งเป็นหนังในตำนาน และเป็นหนังที่เก่าแก่ที่สุดที่ Hermès ใช้

หนังชนิดนี้มีพื้นผิวเรียบลื่นเป็นพิเศษซึ่งทำให้ Birkins ดูหรูหราเป็นพิเศษ วัสดุนี้ไวต่อรอยขีดข่วนและลายน้ำ แต่เมื่อเวลาผ่านไป ความไม่สมบูรณ์เหล่านี้ก็ผสานเข้ากับกระเป๋า ทำให้เกิดพื้นผิวที่เหมือนกระจก เพื่อให้แน่ใจว่ากระเป๋าหนังลูกวัวของคุณจะอยู่ในสภาพดี ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใด โปรดแน่ใจว่าเก็บกระเป๋าของคุณให้ห่างจากความชื้น และหมั่นทำความสะอาดทุกครั้งด้วยวัสดุและอุปกรณ์ที่เป็นมิตรกับกระเป๋าหนังแท้

Hermes ผลิตจากวัสดุหนังหลากหลายชนิด ในบทความนี้ SF Brandname จะนำเสนอวัสดุหนังที่ได้รับความนิยม โดยมีดังต่อไปนี้

หนัง Togo วัสดุหนังที่ได้รับความนิยม เป็นหนังลูกวัวเพศเมีย ซึ่งถือเป็นตัวเลือกคลาสสิกยอดนิยมสำหรับกระเป๋า Birkin หนังลูกวัวนี้เปิดตัวในปี ค.ศ. 1997 โดยตั้งชื่อตามสาธารณรัฐโตโกในแอฟริกา หนังนี้เป็นผลมาจากกระบวนการการผลิตหนังที่เข้มข้น เพื่อดึงเอาคุณสมบัติตามธรรมชาติของหนังออกมาให้มากที่สุด มีน้ำหนักเบา แข็งแรง กระเป๋าขึ้นทรงดี ไม่บุยุบง่าย

หนัง Togo-แอร์เมสโทโก

Togo จะมีลักษณะเนื้อด้านแต่อ่อนนุ่ม ซึ่งจะเงางามและนุ่มนวลขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป มีเม็ดกลมและไม่สม่ำเสมอและริ้วรอยเด่นชัด วัสดุนี้ยังทนต่อการขีดข่วน ซึ่งเป็นข้อดีอย่างมากสำหรับทั้งนักสะสมและผู้ที่กำลังค้นหากระเป๋า Hermès ที่ทนทาน เอกลักษณ์ของหนัง Togo คือบางครั้งอาจจะมองเห็นลักษณะคล้ายเส้นเลือดตั้งเป็นแนวตรง เรียกว่า "Vertical Vein" แต่ไม่ได้ปรากฏบนกระเป๋าทุกใบ

หนัง Clemence เป็นหนัง Birkin มาตรฐานอีกชิ้นหนึ่ง ซึ่งทำจากหนังวัวเพศผู้ หนังนี้นุ่มกว่า และมีน้ำหนักมากกว่า แต่มีความทนทานน้อยกว่าหนัง Togo และคงรูปไว้ไม่ค่อยดี เมื่อเวลาผ่านไป Clemence มีเนื้อสัมผัสแบบหยาบ ให้ความรู้สึกสบาย ๆ ข้อเสียคือจะพองง่ายเมื่อโดนน้ำ จึงควรหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนน้ำ หรือหากโดนต้องเช็ดออกให้เร็วที่สุด

หนัง Clemence เป็นหนัง Birkin มาตรฐานอีกชิ้นหนึ่ง

ส่วนหนังอีกประเภทที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันคือ หนัง Epsom ซึ่งคุณสมบัติจะตรงกันข้ามกับ Clemence ตรงที่จะมีความแข็งแรงกว่าและจะสามารถคงรูปทรงของ Birkin ไว้ตลอดการใช้งานหลายปี Epsom เป็นหนังวัวแสตมป์ลาย ซึ่งหมายความว่าไม่มีเกรนตามธรรมชาติ อีกทั้งยังทนต่อการขีดข่วนและกันน้ำได้อย่างสมบูรณ์ ซึ่งทำให้ทำความสะอาดง่าย หนัง Epsom เป็นวัสดุที่ใช้งานได้จริงมาก เช่นเดียวกับ Epsom หนัง Fjord มีความทนทานสูงและกันน้ำได้ นุ่มนวล ด้านและหนัก

หนัง Epsom มีความแข็ง ตั้งเป็นรูปเป็นร่างได้ การเย็บกระเป๋าจากหนัง Epsom จึงนิยมใช้การเย็บแบบ Sellier หรือการเย็บด้านนอก ตรงข้ามกับหนังแบบ Togo และ Clemence ซึ่งจะเย็บแบบ Retourne ทำให้กระเป๋าดูเป็นธรรมชาติกว่า แต่จะไม่อยู่เป็นทรงตั้งตรงแบบการเย็บ Sellier

หนัง Epsom-Hermes

หมายเหตุ : การเย็บแบบ Retourne (รีทอว์เน่) คือกรรมวิธีการเย็บด้านใน แล้วกลับหนังออกมาด้านนอก ทำให้กระเป๋าดูเป็นธรรมชาติกว่า แต่กระเป๋าจะไม่สามารถคงรูปทรงตั้งตรงได้ ซึ่งตรงข้ามกับการเย็บแบบ Sellier ซึ่งเป็นกรรมวิธีการเย็บจากด้านนอก ซึ่งทำให้กระเป๋ามีความแข็งแรง และสามารถตั้งตรงเป็นทรงได้มากกว่า

หนัง Evercolor เป็นหนังวัว ที่มอบความนุ่มนวลให้กับ Birkin และมาในพาเลตสี "ตลอดกาล" ที่หลากหลาย ปรากฏครั้งแรกในปี ค.ศ. 2012 หนังมีความตั้งตรง เป็นเนื้อซาติน ไม่สะท้อนแสงและมีเกรนขนาดเล็กสม่ำเสมอซึ่งได้จากการพิมพ์ มีความทนทานและเป็นรอยยาก ตัวหนังขึ้นสีแล้วมีความสวยงามมาก อาจกล่าวได้ว่า พื้นผิวของหนัง Evercolor  จะอยู่กึ่งกลางระหว่างหนัง Togo และหนัง Swift

หนัง Evercolor เป็นหนังวัว ที่มอบความนุ่มนวลให้กับ Birkin

หนัง Swift คือหนังวัว ที่มีลักษณะลายเกรนเล็กละเอียด สัมผัสนุ่ม เมื่อฟอกสีออกมาจะมีความชัดเจนและสวยงามมาก หนัง Swift มีชื่อเรียกเดิมว่า Guilliver ซึ่งหยุดการผลิตไปเมื่อปี ค.ศ. 1999 และได้มีการนำกลับมาใช้ในไลน์การผลิตอีกครั้งตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 เป็นต้นมา

สำหรับวัสดุหนังที่เปิดตัวใหม่ล่าสุดของ Hermes คือหนังลูกวัว Barenia Faubourg ซึ่งเริ่มใช้ครั้งแรกในปี ค.ศ. 2016 โดยมีลายพิมพ์ขนาดเล็กและให้ความรู้สึกคล้ายขี้ผึ้งเมื่อสัมผัส หนังส่วนนี้จะเข้มขึ้นบริเวณที่จับ คุณสามารถหากระเป๋าหนัง Hermès Birkin ทุกสี ได้ในตลาดซื้อขายแบรนด์เนมมือสอง ด้วยหนังของ Hermès ที่หลากหลาย Birkins จึงสามารถตอบสนองบุคลิกของผู้เป็นเจ้าของแต่ละคนได้

หนัง Swift คือหนังวัว-Hermes-birkin

 

Hardware Choices : ฮาร์ดแวร์

โดยทั่วไปแล้ว Birkin จะเลือกใช้อะไหล่ 2 ประเภทคือ ชุบทอง 18 กะรัตหรือแพลเลเดียม ฮาร์ดแวร์ของ Birkin ประกอบด้วยตัวล็อคแบบหันหน้าไปทางด้านหน้า ตัวล็อคและชุดกุญแจ ซิป และขาโลหะที่เรียกว่า clou ซึ่งช่วยให้ Birkin สามารถตั้งตรงได้ตลอดเวลา

Diamond Birkins

Birkins รุ่นพิเศษอาจมีอะไหล่ร์ที่มีเอกลักษณ์มากกว่า ตัวอย่างของโลหะที่หายาก ได้แก่ ทอง 24 กะรัต โรสโกลด์ . เพอร์มาบราส (permabrass) , brush palladium , brushed gold , กิโยเช่ (guilloche) , รูทีเนียม หรือฮาร์ดแวร์สีดำด้าน ฮาร์ดแวร์ที่หายากที่สุดคือฮาร์ดแวร์ที่หุ้มห่อเพชรทองคำขาว 18 กะรัต ซึ่งพบได้ในอะไหล่ "Diamond Birkins" อันหรูหราเป็นพิเศษ Hermès เปิดตัว Diamond Birkins เพียงไม่กี่รุ่นต่อปี และมักจะอยู่บนกระเป๋าที่ตัดเย็บด้วยหนัง Exotic หายาก

 

 

Exotic Birkin Bag

กระเป๋าถือ Birkin ยังทำจากวัสดุแปลกใหม่ เช่น หนังนกกระจอกเทศ หนัง Lizard หนัง Crocodile และหนัง Alligator ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบเคลือบเงาหรือด้าน Birkins ที่ทำจากหนังสัตว์ Exotic หรือหนังสัตว์หายากถือว่าพิเศษและมีเอกลักษณ์มากกว่าหนังปกติทั่วไป และมีราคาสูงกว่า โดยหนังที่มีราคาสูงที่สุดคือหนัง crocodile หรือหนังจระเข้ ซึ่งจะแบ่งประเภทของจระเข้ที่จะนำมาทำเป็นหนัง 2 ประเภทคือ จระเข้ Niloticus และจระเข้ Porosus

หนังจระเข้ Nilo หรือ Niloticus ซึ่งเป็นจระเข้ที่ถูกเลี้ยงในแถบแม่น้ำไนล์ของประเทศซิมบับเว ทวีปแอฟริกา มีลักษณะผิวด้าน รูปแบบลายขนาดใหญ่ที่ชัดเจน ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในการนำมาใช้อุตสาหกรรมแฟชั่น กระเป๋าที่ผลิตจากหนังของจระเข้ชนิดนี้ จะมีการทำสัญลักษณ์บนตัวกระเป๋าเป็นรูป "••" โดยจะปรากฏอยู่ถัดจากโลโก้ HERMÉS ทางด้านหน้าของกระเป๋า อะไหล่ของกระเป๋ารุ่นนี้จะมีทั้งอะไหล่สีทองและสีเงิน Palladium

หนังจระเข้ Nilo หรือ Niloticus-hermes-birkin

ส่วนจระเข้ Pororus เป็นจระเข้ที่ถูกเลี้ยงในฟาร์มแถบออสเตรเลียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหนัง Exotic ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก โดยหนังชนิดนี้ จะผ่านกรรมวิธีการขัดสีหลายชั่วโมงเพื่อให้ได้ผิวที่สวยงาม โดยกระเป๋าที่ตัดเย็บด้วยหนังจระเข้ประเภทนี้ จะปรากฏสัญลักษณ์บนกระเป๋าเป็นรูป " ^ " (carat) กระเป๋ารุ่นนี้ จะมีจำหน่ายออกมาทั้งแบบหนังเงาและหนังด้าน

Pororus-Hermes-Birkin

สำหรับหนัง Alligator ที่ Hermes นำมาใช้ เป็นหนังที่ได้มาจาก Mississippi Alligator จากฟลอริด้า โดยผ่านกรรมวิธีการขัดด้วยหินโมราจนทำให้รอยหนังเห็นเป็นรูปชัดเจน เรียกว่า "Lisse finish" พื้นผิวมีความลื่นสมูท เมื่อสัมผัสจะรู้ได้ถึงหนัง Alligator อย่างชัดเจน มีการผลิตออกมาทั้งแบบผิวด้านและผิวเงา โดยในแบบผิวด้านจะมีราคาสูงกว่า

หนังชนิดนี้ ถือว่าเป็นหนังที่หายากมาก มักพบในกระเป๋ารุ่น Limited Edition และกระเป๋า Special Order เท่านั้น เนื่องด้วยความยากในการหาหนังจระเข้ ที่มีขนาดใหญ่พอดีในการนำหนังมาตัดเย็บทำกระเป๋าได้ ทำให้กระเป๋า Birkin ที่ใช้หนัง Alligator ประเภทนี้ จะอยู่ที่ขนาด 25 กระเป๋าที่ตัดเย็บด้วยหนังจระเข้ประเภทนี้ จะปรากฏสัญลักษณ์บนกระเป๋าเป็นรูป สี่เหลี่ยม

หนังจระเข้ Nilo หรือ Niloticus - hermes-Birkin

และนี่คือความแตกต่างของผิวกระเป๋าทั้ง 3 แบบ ที่ตัดเย็บจากหนังจระเข้และ Alligator โดยจากซ้ายคือหนัง Niloticus ภาพกลางคือ Pororus และท้ายสุดคือ หนัง Alligator จากฟลอริด้า

หนังจระเข้ Nilo หรือ Niloticus-Hermes-birkin-หนัง

 

สำหรับหนังกระเป๋า Birkin ที่ตัดเย็บจากหนัง Exotic หนึ่งรุ่นที่ไม่กล่าวถึงเป็นไม่ได้นั่นก็คือ "Birkin Himalayan" โดยมีชื่อเต็มว่า Hermes Himalayan Crocodile Birkin

โดยตัวกระเป๋าตัดเย็บมาจากหนังจระเข้ Nilo หรือ Niloticus คำว่า "Himalaya" เป็นชื่อโทนสีของกระเป๋า เทคนิคการไล่ระดับสีของกระเป๋าที่สวยงามไม่เหมือนใคร ตั้งแต่สีเทาควันบุหรี่ สีเบจ ไล่ไปจนถึงสีขาว ประหนึ่งไข่มุกบริสุทธิ์ อันเปรียบเสมือนยอดเขาหิมาลัยที่มีหิมะปกคลุมยอดเขา ในส่วนที่เป็นสีขาวนั้นเป็นส่วนที่ต้องใช้ความพิถีพิถันและเป็นส่วนที่ยากที่สุด

Hermes Himalayan

อันเนื่องมาจากต้องมีการฟอกสีหนังธรรมชาติออกให้หมด ทำให้กระบวนการผลิตกระเป๋ารุ่นนี้ต้องใช้ความชำนาญอย่างสูง รวมทั้งเทคนิคพิเศษต่าง ๆ ของช่างทำกระเป๋าที่ต้องมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี จึงจะได้รับอนุญาตให้ผลิตกระเป๋ารุ่นนี้ได้ โดยช่าง 1 คนจะใช้เวลาทั้งหมด 48 ชั่วโมงในการผลิตกระเป๋า Birkin 1 ใบ รวมทั้งใน 1 ปี จะได้รับการผลิตแค่ 1 ถึง 2 ใบเท่านั้น โดย Hermes Himalayan ครองสถิติกระเป๋าจาก Hermes ที่แพงที่สุดในโลก โดยมีสถิติราคาประมูลสูงถึง 15 ล้านบาทเลยทีเดียว

ส่วนหนัง Exotic อื่น ๆ ได้แก่ หนัง Lizard และหนังนกกระจอกเทศ ซึ่งหนัง Lizard แบ่งออกเป็น 2 ประเภทคือ หนัง Lizard (Varanus Niloticus) และ Natural Lizard สำหรับหนัง Varanus Niloticus เป็นหนังตะกวดจากแถบแอฟริกัน เป็นหนังที่แห้งง่ายและต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ต้องระวังน้ำและความชื้น ไม่ได้มีการทำออกมาจำหน่ายเป็นจำนวนมาก เนื่องจากความหายาก Super Rare อีกทั้งเป็นหนังที่ถูกคุ้มครองด้วยกฎหมาย ทำให้ไม่สามารถวางขายได้ทุกประเทศ มีผลิตออกมาทั้งผิวด้านและผิวเงา

หนังลิซซาด-Hermes-Birkins

ส่วนหนังตะกวดอีกประเภทคือ Natural Lizard ปรากฏตัวครั้งแรกในแฟชั่นโชว์คอลเล็กชั่น Autumn-Winter ปี 2007 เป็นหนังที่สาวก Hermes ต้องการครอบครองมากที่สุด เพราะถือได้ว่าเป็นสุดยอด Rare Item ที่หายากมาก ๆ สำหรับหนังชนิดนี้ เป็นหนังที่ผ่านกระบวนการน้อยที่สุด เพื่อให้หนังยังคงความเป็นธรรมชาติมากที่สุด และภาพด้านล่างนี้ คือภาพเปรียบเทียบลักษณะหนังตะกวดทั้ง 2 ประเภท

สำหรับหนังนกกระจอกเทศ (Ostrich) มีความทนทานมาก จุดเด่นคือรอยรูขุมขนชัดเจน ซึ่งมองไกล ๆ จะมีลักษณะเป็นจุด ๆ ด้วยความที่หนังมีความทนทานมาก เมื่อโดนน้ำก็สามาถเช็ดออกได้อย่างง่ายดาย นอกจากนี้ หนังประเภทนี้ยังสะท้อนรับกับแสงทั้งแสงอาทิตย์และแสงไฟ ซึ่งทำให้หนังดูสว่างขั้นเมื่อสัมผัสกับแสงเหล่านั้น เป็นหนังอีกหนึ่งชนิดซึ่งหายาก และเป็นหนึ่งในตัวเลือกยอดฮิตของเหล่าบรรดานักสะสมตัวยงของแบรนด์ Hermes

หนังนกกระจอกเทศ-แอร์เมส-Hermes-Birkin

สำหรับวัสดุหนังนกกระจอกเทศนี้ เริ่มใช้ครั้งแรกตั้งแต่ปี ค.ศ. 1920 เป็นต้นมา มีลักษณะสองสีเด่นชัด ซึ่งสามารถระบุได้จากรูขุมขนซึ่งเป็นจุดที่ขนเติบโต เพื่อป้องกันความเสียหายของรูขุมขน Hermès จึงทำให้รูขุมขนเรียบและเพิ่มผิวหนังเป็นสามเท่า วัสดุนี้จะดูดซับน้ำมันและจะเข้มขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปเมื่อมีการสัมผัสบ่อย ๆ เช่นเดียวกับวัสดุหนัง Alligator หนังนกกระจอกเทศมีให้เลือกหลายสี และไม่มีตราประทับสัญลักษณ์ใด ๆ ปรากฏบนหนัง

 

 

The Values of The Birkin : คุณค่าของ Birkin

ในช่วงแรก กระเป๋า Hermes Birkin ยังไม่สามารถเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จเท่าใดนัก กว่าจะได้ก้าวเข้าสู่ความเป็น It bag แห่งยุคก็ใช้เวลากว่า 10 ปี ในปี ค.ศ. 2001 เมื่อมันปรากฏโฉมในฉาก ๆ หนึ่งของซีรีย์ดังเรื่อง "Sex and The City" โดยเนื้อเรื่องในช่วงนั้น มีเนื้อหาเกี่ยวกับตัวละครที่ชื่อ ซาแมนต้า โจนส์ (Samantha Jones) ใช้ชื่อลูกค้าเซเลปของเธอ เพื่อใช้เป็นสิทธิในการซื้อกระเป๋า "The Birkin" โดยไม่ต้องรอคิวนานถึง 5 ปี ซึ่งหลังจากซีรีย์ตอนนั้นออกอากาศ คิวในการรอซื้อ The Birkin ก็ยาวนานขึ้นถึง 3 เท่า

Hermes-birkin-แอร์เมนเบอร์กิ้น

ประโยคเด็ดที่ถือได้ว่าเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กระเป๋า Birkin โด่งดังและติดหูจนถึงปัจจุบัน คือฉากที่ Samantha ชื่นชมกระเป๋า Birkin ผู้ช่วยฝ่ายขายที่ร้านบูติก Hermès บอกเธอว่าเธอต้องรออยู่ในรายชื่อรอเป็นเวลาอย่างน้อยห้าปีก่อนที่เธอจะได้รับหนึ่งใบ และเธอก็อุทานว่า "For a bag?" (สำหรับกระเป๋า?) แล้วพนักงานขายก็ตอบว่า “It's not a bag, it's a Birkin” (มันไม่ใช่แค่กระเป๋า แต่มันคือ Birkin)

Hermes-birkin-แอร์เมนเบอร์กิ้น

การสร้าง Demand หรือความต้องการสินค้าให้เกิดขึ้นในโลกแห่งประชาสัมพันธ์ จากราคาเปิดตัวกระเป๋ารุ่นนี้ ซึ่งอยู่ที่ $2,000 หรือประมาณ 63,200 บาท ปัจจุบัน กระเป๋ารุ่นนี้ได้ทวีมูลค่าสูงขึ้นเข้าสู่หลักแสนหลักล้านบาท ซึ่งนอกจากกลยุทธ์ทางกการโฆษณาแล้ว อีกเหตุหนึ่งที่ทำให้ Birkin มีราคาพุ่งสูงขึ้นก็คือ การที่เหล่าบรรดาผู้มีชื่อเสียงจากหลากหลายวงการ รวมทั้งดาราและและเซเลบริตี้ ต่างพากันหิ้วกระเป๋าใบนี้ ออกพบปะสื่อหลากหลายแขนง ยิ่งทำให้ Hermes Birkin มีชื่อเสียงโด่งดังมากยิ่งขึ้น

แต่ทว่า ราคาของ Birkin จะไม่สามารถดันราคาสูงขึ้นไปขนาดนั้นได้เลย หากไม่มีกลยุทธ์ทางการตลาดที่เรียกว่า Demand and Supply การจำกัดจำนวนการผลิต หรือที่เรียกว่า การคุม Supple Chain นั้น มีความสำคัญอย่างมาก เนื่องจาก Birkin Bag เป็นกระเป๋าที่ถูกตัดเย็บขึ้นด้วยมือทุกใบ และใช้เวลาในการตัดเย็บทั้งหมด 48 ชั่วโมง โดยช่างฝีมือเพียง 1 คนเท่านั้น นั่นคือเหตุผลว่า ไม่ว่าคุณจะมีเงินมากมายขนาดไหนหรือมีความต้องการในการครอบครองกระเป๋ารุ่นนี้เพียงใด ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่คุณจะเป็นเจ้าของมัน

Hermes-birkin-แอร์เมนเบอร์กิ้น

อีกทั้งช่างฝีมือที่ได้รับอนุญาตจากทาง Hermes ให้ทำการตัดเย็บกระเป๋ารุ่นนี้ได้นั้น จะต้องมีประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 10 ปี ซึ่งทาง Hermes ได้นำกลยุทธ์นี้มาใช้ในด้านการตลาด การจำกัดสินค้าหรือการประกาศว่าสินค้านั้น ๆ มีจำนวนจำกัด เป็นแรงดึงดูดให้เหล่านักช้อปผู้หลงไหลในการล่าสินค้าหายากเหล่านั้น และนั่นเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้กระเป๋า Birkin กลายเป็นสินค้าที่กลุ่มคนมีเงิน และนักลงทุน ให้ความสนใจและอยากครอบครอง

สำหรับตัวเลขการผลิตกระเป๋ารุ่นนี้ในแต่ละปีนั้น ยังคงเป็นความลับ แต่มีการคาดการณ์ว่า ทางบริษัทจะมีการผลิตกระเป๋า Hermes ออกมาไม่เกิน 2 แสนใบต่อปี ส่งผลให้ Birkin ไม่ได้มีฐานะเพียงสินค้าแฟชั่นธรรมดา ๆ เท่านั้น แต่มันยังเปรียบเสมือนสัญลักษณ์ในการแสดงสถานะหรือฐานะทางสังคมของบุคคลผู้เป็นเจ้าของ ดังที่กล่าวไปข้างต้น ไม่ใช่ว่าคุณจะสามารถกำเงินจำนวนมากเดินเข้าบูทีคแล้วจะได้เป็นเจ้าของ Birkin สดใหม่มือหนึ่งได้ในทันที มันไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้น

นอกจากราคาที่สูงเฉียดฟ้า และพุ่งสูงขึ้นแทบจะทุกปีแล้ว ปริมาณการผลิตที่จำกัดอันไม่สัมพันธ์กับความต้องการของตลาด และกลยุทธ์การต้องรอคิวรอคอยกระเป๋าเป็นเวลาหลายปี (ยังไม่นับรวมที่ต้องเป็นลูกค้าผู้จงรักภักดีต่อแบรนด์ และยอดขั้นต่ำที่ซื้อสินค้าต่อครั้ง ซึ่งกระซิบบอกได้เลยว่า ต้องมีเกิน 6 หลัก) กลยุทธ์เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้ Birkin เพิ่มคุณค่าในตัวเองเท่าทวีคูณ กลายเป็นทรัพย์สินเพื่อการลงทุน ที่เศรษฐีบางคนยินดีที่จะจ่ายเพื่อซื้อเก็บไว้เก็งกำไร แทนการซื้อทองคำ

 

Increased in Value : มูลค่าเพิ่มขึ้น

จากการศึกษาพบว่า ราคาของ Birkin เพิ่มขึ้น 500% ตลอดระยะเวลา 35 ปีที่ผ่านมา หรือเฉลี่ยปีละ 14% เป็นการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าการลงทุนในหุ้น S&P 500 ที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ยราว 12 % ต่อปีเท่านั้น กล่าวได้ว่าตลาดทองคำและตลาดหุ้น มีความผันผวนอยู่ตลอดเวลา ในขณะที่การลงทุนในกระเป๋า Birkin มีแต่จะเพิ่มค่าขึ้นทุกขณะ โดยเฉพาะในปี 2001 ที่เพิ่มขึ้นถึง 25% และเคยทำราคาในการประมูลสูงสุดอยู่ที่ราว 7.8 ล้านบาทไทยต่อใบ

รวมทั้งมีแนวโน้มว่ามูลค่าของกระเป๋าจะเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าในอีก 10 ปีข้างหน้า ราคาเปิดตัวเริ่มแรกเมื่อปี 1985 อยู่ที่ $2,000 หรือประมาณ 63,200 บาท และมีการปรับราคาขึ้นเรื่อยมาตามลำดับ ราคาจะเติบโตมากแค่ไหน ขึ้นอยู่กับขนาดสี วัสดุในการตัดเย็บ ขนาด และการตกแต่ง โดยทั่วไปแล้ว หากซื้อกระเป๋า Birkin ในปี 2004 มาในราคา $4,000 (126,436 บาท) ผ่านไปเป็นเวลา 15 ปี จะสามารถขายมันได้ ในราคา $5,000-6,000 (159,000-190,000 บาท)

Hermes-birkin-แอร์เมนเบอร์กิ้น

แม้จะผ่านการใช้งานมาหลายครั้งแล้วก็ตามที แต่สำหรับในประเทศไทยแล้ว ราคา Birkin ในตลาดซื้อขายมือ 2 จะอยู่ที่ระหว่าง 2.3 แสน จนถึง 5.3 แสนบาท ซึ่งมีการผันแปรตามความต้องการของตลาด ปกติแล้วสินค้าหลายๆ อย่าง เมื่อเก็บไว้เป็นเวลานานมักเสื่อมความนิยมและด้อยค่าลงไป

แต่สำหรับกระเป๋า Birkin นั้นกลับตรงกันข้าม ยกตัวอย่างเช่น Hermès Birkin หนัง Togo ขนาด 30 ราคาขายในปี 2015 อยู่ที่ $18,050 (570,518 บาท) ราคาขายในปี 2019 อยู่ที่ $21,500 (679,564 บาท) อัตราผลตอบแทนอยู่ที่ 30.3% (ราคาขายอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสี ขนาดและรุ่นของสินค้าที่แตกต่างกันออกไป) และนั่นทำให้ราคาของกระเป๋ามือ 2 เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

การซื้อ Birkin โดยตรงจากบูทีค Hermès ไม่ใช่เรื่องง่าย ลูกค้าต้องมีประวัติการซื้อกับแบรนด์ และร้านบูติกจะได้รับอนุญาตให้สั่งซื้อ Birkins ในจำนวนจำกัดปีละสองครั้งเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น สไตล์ของกระเป๋า Birkin ที่บูติกได้รับมักจะสร้างความประหลาดใจ ทำให้ลูกค้าได้กระเป๋าที่ต้องการมาอย่างยากลำบาก ความพิเศษเฉพาะนี้ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับกระเป๋า Hermès Birkin กระเป๋า Birkin ถือเป็นชิ้นงานที่น่าลงทุนเนื่องจากมีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดและการออกแบบที่เหนือกาลเวลา

Hermes-birkin-แอร์เมนเบอร์กิ้น-มือสอง

กระเป๋า Birkin ถือเป็นชิ้นงานที่น่าลงทุนเนื่องจากมีรูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดและการออกแบบที่เหนือกาลเวลา กระเป๋า Birkin มีราคา $2,000 ในปีค.ศ. 1984 เมื่อผลิตครั้งแรก ปัจจุบัน Birkin หนังมาตรฐานมีราคาประมาณ $10,000 ในขณะที่กระเป๋า Birkin หนังจระเข้และประดับด้วยเพชร จำหน่ายในตลาดแบรนด์เนมมือสอง ได้ในราคาสูงถึง $200,000 โดย Birkin เป็นกระเป๋าที่เป็นที่ต้องการมากที่สุดโดยมีการค้นหา Birkin เกือบ 1 ล้านครั้งทุกเดือนในเว๊ปไซต์ออนไลน์

จากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ น้อย ๆ เช่นเดียวกับตัวเอกละครในเทพนิยาย กระเป๋า Birkin แตกต่างจากกระเป๋า Chanel ที่ครองตลาดในช่วงทศวรรษ 1980 โดยมีความหรูหราแบบเงียบ ๆ และไม่มีโลโก้ตะโกน Hermès Birkin ยังคงมีความโดดเด่นที่สุดในบรรดากระเป๋าทั้งหมด และเป็นข้อพิสูจน์ถึงความทุ่มเทของแบรนด์ในด้านงานฝีมือและความหรูหรา เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและความพิเศษเฉพาะตัวในโลกแห่งแฟชั่น ที่ยังคงเสน่ห์และความงามมาถึง 39 ปี

สำหรับใครที่ไม่อยากต่อคิวรอเป็นเจ้าของ Birkin เป็นปี ๆ ที่ SF Brandname เรามีกระเป๋า Hermes Birkin พร้อมเสริฟท์ให้คุณถึงที่ หลากหลายสี วัสดุ และขนาด อีกทั้งยังมีสินค้าแบรนด์เนมหลากหลายแบรนด์และสไตล์ ไว้คอยต้อนรับ ด้วยการรับประกันความเป็นของแท้ 100% พร้อมคุณภาพและการบริการที่เชื่อถือได้จากผู้เชี่ยวชาญมากประสบการณ์ พร้อมด้วยบริการครบวงจรไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการซื้อขาย แลกเปลี่ยนจำนำ หรือสปากระเป๋า สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมตามช่องทางดังต่อไปนี้

  • Facebook : sfbrandname
  • IG : sfbrandname
  • Line : @sfbrandnamebkk