Twins Bags รวบตึง 5 รุ่น กระเป๋าแฝดคนละฝา

Twins Bags รวบตึง 5 รุ่น กระเป๋าแฝดคนละฝา ในโลกของแฟชั่น ซึ่งมีการปรับเปลี่ยนหมุนเวียนไปตลอดเวลา เทรนด์ไหนอินเทรนไหนเอ้าท์ แต่ละแบรนด์จะจับจุดอ่อนจุดแข็งของแฟชั่นสมัยนั้น ๆ เพื่อดีไซน์สินค้าออกมาให้ตรงใจเหล่าบรรดาสายแฟทั้งหลาย แต่ก็มีหลายแบรนด์ที่บังเอิญดีไซน์ออกมาได้ละม้ายคล้ายคลึงกันยังกับแฝด เป็นข้อพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด ความคลาสสิกจะยังเป็นที่นิยมอยู่เสมอ และนี่คือ 5 รุ่นกระเป๋าฝาแฝดแบรนด์หรูที่ SF Brandname มัดรวมมาเปรียบเทียบให้ชมกัน

คู่ที่ 1 : Louis Vuitton Alma VS Balenciaga Villa Bag

คู่ที่ 1 : Louis Vuitton Alma VS Balenciaga Villa Bag

Louis Vuitton Alma (1934)

ความลงตัวด้านดีไซน์ที่ถูกพิสูจน์มาแล้วผ่านการเวลากว่า 89 ปี โดยเราจะมาเริ่มต้นที่ Louis Vuitton Alma กันก่อน ย้อนกลับไปเมื่อปี ค.ศ. 1934 เป็นปีที่ Alma เริ่มวางจำหน่ายเป็นครั้งแรก ภายใต้ชื่อ “Squire Bag” ก่อนที่จะมีการปรับปรุงโฉมอีกครั้งในปี ค.ศ. 1950 และเปลี่ยนชื่ออีกครั้งเป็น  “Champs-Elysées” และ อีกครั้งในปี ค.ศ. 1992 ชื่อ "Alma" ถูกตั้งให้กับกระเป๋ารุ่นนี้อย่างเป็นทางการ จนถึงปัจจุบัน โดยตั้งชื่อตามสะพานซึ่งเป็นสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งในมหานครปารีส ประเทศฝรั่งเศส นั่นก็คือ สะพาน Pont de l’Alma 

การออกแบบที่มีดีไซน์ ตัวกระเป๋ารูป Domed Shape ซิปปากกระเป๋าที่สามารถรูดเปิด-ปิดได้สุดจรดก้นกระเป๋า โดยได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากศิลปะจากยุค Art Deco พร้อมช่องใส่ของขนาดใหญ่ อีกทั้งยังสามารถล็อคกระเป๋าได้ด้วยตัวล็อค เป็นกระเป๋าที่สื่อให้นึกถึงต้นกำเนิดธุรกิจเริ่มแรกของ Louis Vuitton จากการเป็นผู้ผลิตสิ่งทอและหีบสำหรับเดินทาง ทำให้มันได้รับความนิยมแซงหน้ากระเป๋ารุ่นพี่อย่าง Keepall และ Noé ไปในทันที และได้รับความนิยมมาจนถึงปัจจุบัน

กล่าวกันว่า กระเป๋ารุ่น Alma ได้พื้นฐานการออกแบบมาจากการสั่งทำกระเป๋าแบบพิเศษ โดยเจ้าแม่วงการแฟชั่นอย่าง Coco Chanel ทุกวันนี้เชื่อว่าน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักกระเป๋ารุ่นนี้ แม้ว่าจะเป็นมือใหม่ในวงการแฟชั่นก็ตาม ราคาจำหน่ายของ Louis Vuitton Alma มือหนึ่งอยู่ที่ 64,000 บาท ราคาจำหน่ายในตลาดซื้อขายแบรนด์เนมมือสอง อยู่ที่ประมาณ 35,xxx บาท (ขึ้นอยู่กับรุ่น ขนาด สภาพ และอุปกรณ์ต่างๆ ที่มาพร้อมกับตัวกระเป๋า)

 

Balenciaga Villa Bag (2018)

The Ville Bag ถือได้ว่าเป็นกระเป๋าที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อสุภาพสตรีผู้รู้ซึ้งว่าสไตล์การออกแบบและฟังก์ชั่นการใช้งานที่คุ้มค่ามันเป็นของคู่กัน มันถูกออกแบบให้มีรูปโค้งมนสวยงาม ดั่งเช่นเรือนร่างของหญิงสาว เป็นกระเป๋า Everyday bag ที่พร้อมจะอยู่เคียงข้างกายของคุณตั้งแต่ดื่มกาแฟยามเช้าไปจนถึงกระทั่งออกเดทยามค่ำคืน

เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 2018 รูปทรงคลาสสิก จิตวิญญาณเหนือกาลเวลา และทันสมัยในด้านประโยชน์ใช้สอย เป็นกระเป๋าที่สร้างความประทับใจได้ทันที Ville ตัดเย็บด้วยหนังลูกวัวลายเกรนอย่างโดดเด่น โดยมีให้เลือก 3 ขนาดหลักๆ คือ M, S และ XXS วางจำหน่ายในขนาดเล็กและขนาดใหญ่ (มี/ไม่มีโลโก้พิมพ์) มีวางจำหน่ายพร้อมเฉดสีที่หลากหลาย ตั้งแต่ความสดใสมีชีวิตชีวาไปจนถึงความละเอียดอ่อนและคลาสสิก นอกจากนี้ The Ville ยังนำเสนอดีไซน์แบบมินิมอล ซึ่งเหมาะสำหรับการสะพายไหล่และสะพายข้างอีกด้วย

ตัวกระเป๋ารูป Domed Shape ภายในประกอบด้วยช่องขนาดใหญ่และช่องซิป เพื่อจัดเก็บสิ่งของได้อย่างง่ายดาย ซิปมีปม่กุญแจสำหรับล็อคกระเป๋า ด้านหลังของกระเป๋ามีช่องขนาดเล็กเพื่อความสะดวกในการจับเก็บสิ่งของชิ้นเล็ก ๆ ฮาร์ดแวร์สีทองช่วยเสริมความสวยงาม หมุดโลหะใต้กระเป๋าป้องกันพื้นกระเป๋าสึกหรอสายสะพายไหล่แบบปรับได้และถอดออกได้เพิ่มสไตล์ที่หลากหลาย ราคาจำหน่ายของ Balenciaga Villa Bag มือหนึ่งอยู่ที่ 75,600 บาท ราคาจำหน่ายในตลาดซื้อขายแบรนด์เนมมือสอง อยู่ที่ประมาณ 32,900 บาท

คู่ที่ 2 : LV Multi Pochette Accessoires VS Prada Re-Edition 2005 Nylon Bag

คู่ที่ 2  LV Multi Pochette Accessoires VS Prada Re-Edition 2005 Nylon Bag

 

LV Multi Pochette Accessoires (2019)

Louis Vuitton Pochette Accessoires เปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 1992 เป็นการผสมผสานที่ลงตัวระหว่างความสวยงามแบบมินิมอลและรูปทรงที่ใช้งานได้จริง คำว่า "Pochette" ในภาษาฝรั่งเศสหมายถึง 'กระเป๋า' รวมกันเป็น "กระเป๋าสี่เหลี่ยมที่ถือโดยสายสะพายไหล่ที่ถอดออกได้" กระเป๋ามีจำหน่ายในผ้าใบลายโมโนแกรมที่เป็นซิกเนเจอร์ในช่วงแรก และต่อมาจึงมีลวดลายต่าง ๆ เพิ่มเติมรวมถึงรุ่นพิเศษที่เกิดจากการร่วมมือกับศิลปินและเหล่าผู้มีชื่อเสียงหลายท่าน ไม่ว่าจะเป็น Takashi Murakami, Stephen Sprouse หรือ Urs Fischer

ต่อมา ในปี ค.ศ. 2019 ได้นำกระเป๋ารุ่นตำนานนี้ มาปัดฝุ่นและตีความใหม่ เพิ่มเติมด้วยประโยชน์ใช้สอยที่มากขึ้น ภายใต้ชื่อรุ่น Multi Pochette Accessoire ที่ผสมผสานความคลาสสิกของ Louis Vuitton และแสดงถึงงานฝีมือที่แม่นยำของ Maison ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากทันทีหลังจากที่เปิดตัว ด้วยสไตล์สตรีทแวร์ ความอเนกประสงค์ของกระเป๋าทำให้สามารถปรับให้เข้ากับการแต่งตัวแนวต่าง ๆ ได้มากกว่าหนึ่งวิธี

Multi Pochette Accessoires เป็นกระเป๋าสะพายข้างแบบไฮบริดที่มีกระเป๋าและช่องใส่ของหลายช่องที่รวม Pochette Accessoires, Mini Pochette Accessoires และ Round Coin Purse ตัดเย็บจากผ้าแคนวาสลายโมโนแกรมพร้อมลายโมโนแกรมขนาดเล็กที่ด้านข้างของกระเป๋าทั้งสองใบ มีทั้งสายโซ่สีทองแบบถอดได้และสายรัด Jacquard สลักชื่อ Louis Vuitton แบบปรับได้เพื่อให้สะพายได้หลายแบบ นับได้ว่าจ่ายแค่หนึ่ง แต่ได้กระเป๋าถึง 3 ใบเลยทีเดียว ราคาจำหน่ายของ Multi Pochette Accessoires อยู่ที่ 84,000 บาท

Prada Re-Edition 2005 Nylon Bag (2019)

กระเป๋าสะพาย Prada Re-Edition 2005 ได้รับแรงบันดาลใจจากกระเป๋าโฮโบใบจิ๋วอันเป็นเอกลักษณ์ ทำจาก Re-Nylon เส้นด้ายไนลอนที่สร้างใหม่ (ECONYL®) ที่ผลิตจากขยะพลาสติกรีไซเคิลที่เก็บรวบรวมในมหาสมุทร อวนจับปลา และเศษเส้นใยสิ่งทอ กระเป๋าอเนกประสงค์ใบนี้ตกแต่งด้วยหนัง Saffiano ฮาร์ดแวร์โลหะสีเงิน มาพร้อมกับกระเป๋าแบบถอดได้ขนาดเล็กติดกับสายสะพายไหล่ และสายสะพายไนลอนทอพิมพ์โลโก้ขนาด 85 เซนติเมตร ถอดออกได้ปรับได้

กระเป๋า Prada Re-Edition 2005 ถูกนำมาตีความใหม่ และเปิดตัวในปี ค.ศ. 2019 หลังจากเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1979 กระเป๋าผ้าไนลอนที่คนทั้งโลกต่างก็คลั่งไคล้ สำหรับความหรูหราของกระเป๋ารุ่นนี้ คุณจะทราบได้อย่างแน่นอนว่าเป็นของ Prada เนื่องจากมีการประทับตราทุกที่บนกระเป๋า โลโก้อยู่ที่ด้านหน้ากระเป๋า ตัวกระเป๋า พวงกุญแจ และด้านในกระเป๋า มันยังสลักคำว่า “Prada” ไว้อย่างละเอียดบนสายสะพายไหล่อีกด้วย

ความหรูหรามาบรรจบกับฟังก์ชั่นการใช้งานที่หลากหลาย เป็นเทรนด์ใหม่ของกระเป๋าสะพายข้างที่ได้รับแรงบันดาลใจจากประโยชน์ใช้สอย นับว่า Prada Re-Edition 2005 เป็นหนึ่งในกระเป๋าที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ต้องขอบคุณความพยายามของ Prada ที่จะเจาะเข้าไปในจุดตัดของแฟชั่นชั้นสูงและถือเป็นความสำเร็จครั้งสำคัญสำหรับแฟชั่นเฮาส์สุดหรูของอิตาลี ราคาจำหน่ายของ Prada Re-Edition 2005 Nylon Bag อยู่ที่ 73,xxx บาท

 

คู่ที่ 3 : Goyard Saint Louis Tote Bag VS Louis Vuitton Neverfull

คู่ที่ 3 : Goyard Saint Louis Tote Bag VS Louis Vuitton Neverfull

Goyard Saint Louis Tote Bag (1930s)

Saint Louis Goyard เป็นกระเป๋าที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และถือได้ว่าเป็นกระเป๋ารุ่นที่สร้างรายได้มากกว่าครึ่งหนึ่งของแบรนด์ Goyard เลยทีเดียว ถูกสร้างสรรค์ขึ้นในช่วงทศวรรษที่ 1930 ปัจจุบัน มีจำหน่ายทั้งหมด 2 ขนาดได้แก่ PM, GM และ XXL (ขนาด XXL เปิดตัวในปี ค.ศ. 2018) พร้อมกระเป๋าใบเล็ก ซึ่งถอดออกได้ โดยกระเป๋า Saint Louis ขนาด  PM และ Saint Louis ขนาด GM เป็นขนาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด

Saint Louis Tote ถือได้ว่ากระเป๋ารุ่นนี้เป็นรุ่นคลาสสิคของแบรนด์ โดยชื่อของกระเป๋ามีที่มาจากพระนามของพระเจ้าหลุยส์ที่ 9 (King Louis IX) ของประเทศฝรั่งเศส ด้วยสไตล์การออกแบบที่เรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยความความสสิคและหรูหรา รวมทั้งจุดเด่นด้วยกระเป๋าที่มีน้ำหนักเบา ทำให้ได้รับความนิยมอย่างสูง

วัสดุที่นำมาตัดเย็บกระเป๋าเป็นวัสดุผ้าใบ Canvas ที่มีชื่อเรียกว่า “Goyardine” ซึ่งเป็นผ้าใบที่เป็นการผสมผสานระหว่างผ้าฝ้าย (Cotton), ผ้าลินิน (Linen) และ ผ้าป่าน (Hemp) ทำการเคลือบกระเป๋าด้วยเทคนิคพิเศษของโกยาร์ เพื่อความแข็งแรงทนทาน อีกทั้งยังสามารถกันน้ำได้ (Wateproof) จุดเด่นของกระเป๋ารุ่นนี้ คือ มีปากกระเป๋าที่เปิดกว้างและภายในขนาดใหญ่ มาพร้อมกับ Detachable Pochette

สำหรับ The Saint Louis Tote มีสีคลาสสิคทั้งหมด 2 สี คือ ผ้าใบสีดำขอบสีดำ (Black/Black) และ ผ้าใบสีดำขอบสีน้ำตาล (Black/Tan) อีกทั้งยังมีสีพิเศษอีก 9 สี คือ สีขาว (White), ฟ้า (Light Blue), สีเหลือง (Yellow), สีแดง (Red), สีส้ม (Orange), สีแดงเบอร์กันดี (Burgundy), สีเขียว (Green), สีเทา (Grey) และสีน้ำเงิน (Navy) รวมถึงสี Limited Edition อย่างสีชมพู (Pink) ซึ่งเปิดตัวครั้งแรกในปี ค.ศ. 2008 ราคาจำหน่ายของ Saint Louis Tote อยู่ที่ 80,000 บาท

 

Louis Vuitton Neverfull (2007)

Louis Vuitton Neverfull หรือแปลตรงตัวว่า "ไม่มีวันเต็ม" อีกหนึ่งกระเป๋าที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ มีข่าวลือเบื้องต้น ว่ามันถูกสร้างขึ้นเพื่อแข่งขันกับ Goyard Saint Louis tote แต่ทว่าข่าวลือเหล่านี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ งานฝีมือของ Neverfull นั้นยอดเยี่ยมอย่างแท้จริง โดยกระเป๋า 1 ใบ จะใช้เวลาในการตัดเย็บนานถึง 45 ชั่วโมง รวมถึงราคาจำหน่ายในตลาดซื้อขายแบรนด์เนมมือสอง ที่สูงถึง 65-80% เลยทีเดียว

ดีไซน์การออกแบบที่เรียบง่าย แต่พ่วงด้วยประโยชน์ใช้สอยที่เต็มเปี่ยม จึงกลายเป็นหนึ่งในกระเป๋าที่เป็นที่ใฝ่ฝันของคุณผู้หญิงไปโดยปริยาย ด้านนอกของกระเป๋า ตัดเย็บจากวัสดุผ้าใบ Canvas คุณภาพสูง ด้านในบุด้วยผ้าชั้นดี ซึ่งเราสามารถแบ่ง Neverfull ออกได้เป็น 2 รุ่นคือ รุ่นที่ผลิตในช่วงปี ค.ศ. 2007-2014 และรุ่นที่ผลิตในปี ค.ศ. 2014-ปัจจุบัน ซึ่งในรุ่นปี 2014 จะมาพร้อมกับกระเป๋าใบเล็ก (Pouch) โดยทั้ง 2 รุ่นมีรายละเอียดที่แตกต่างกันเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

กระเป๋าถูกออกแบบมาด้วยกันทั้งหมด 3 ขนาดด้วยกัน คือ ขนาดเล็กสุด PM (Petite Modele) ขนาดกลาง MM (Moyen Modele) และขนาดใหญ่ GM (Grand Modele) เป็นทางเลือกให้กับสาว ๆ ได้มีโอกาสเลือกกระเป๋าที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง โดยขนาดที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ ขนาด MM หรือ ขนาดกลาง ราคาจำหน่ายของกระเป๋า Louis Vuitton Neverfull  อยู่ที่ 66,500 บาท

 

คู่ที่ 4 : Saint laurent le 5 à 7 smooth leather VS Gucci ophidia brown small handbag

คู่ที่ 4 : Saint laurent le 5 à 7 smooth leather VS Gucci ophidia brown small handbag

Saint laurent le 5 à 7 (2021)

Le 5 a 7 hobo เปิดตัวครั้งแรก ในงานแสดงแฟชั่นโชว์ YSL Spring/Summer 2021 สร้างสรรค์โดย Anthony Vaccarello ดีไซเนอร์ชาวอิตาลี ซึ่งเป็น Creative Director ของ YSL คนปัจจุบัน เช่นเดียวกับผลงานสร้างสรรค์หลาย ๆ ชิ้นของ Vaccarello "Le 5A7" ในภาษาฝรั่งเศสอ่านว่า Le Cing a Sept ซึ่งมีความหมายว่าช่วงเวลา Happy Hour หมายถึงกระเป๋ารุ่นนี้ สามารถใช้เป็นเพื่อนคู่ใจในวันสบาย ๆ หลังเลิกงาน ลุยได้ทั้งงานปาร์ตี้หรือสังสรรค์

5 a 7 โดดเด่นด้วยเส้นสายที่สะอาดตาและรายละเอียดที่เงียบขรึม มันอาจจะอธิบายได้ดีที่สุดว่าเป็นการผสมผสานระหว่างกระเป๋าทรง Hobo กับกระเป๋าบาแก็ตต์ในยุค 1990 สายสะพายไหล่แบบปรับได้ช่วยให้คุณกำหนดความยาวได้ตามความสูงและความชอบของคุณ ภายในกระเป๋าบุด้วยหนังกลับหรือหนังและมีช่องซิปหนึ่งช่อง การตกแต่งของกระเป๋าเน้นความเรียบง่าย โดดเด่นด้วยอะไหล่ YSL เอกลักษณ์ของแบรนด์ เป็นตัวเปิดปิดกระเป๋า ซึ่งทำจากวัสดุทองสัมฤทธิ์

Saint laurent le 5 à 7 มีหกขนาด ได้แก่ Mini, Standard, Soft Small, Soft Medium, Hobo และ Crossbody โดยขนาดที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือขนาด Standard ราคาจำหน่ายของ Saint laurent le 5 à 7 อยู่ที่ 77,000 บาท

Gucci ophidia brown small handbag

คอลเลกชั่นเฮาส์สานต่อแนวคิดที่ว่าชิ้นงานควรเป็นอมตะและไม่ใช่แค่แฟชั่นในฤดูกาลเดียว โมโนแกรมตลอดกาลของ Guccio Gucci ยังคงเสริมการออกแบบใหม่ด้วยพลังความคลาสสิกของโลโก้ กระเป๋าถือรุ่น Ophidia จาก Gucci รุ่นนี้ นำเสนอบนผืนผ้าใบ GG Supreme อันเก่าแก่ พร้อมด้วยฮาร์ดแวร์ Double G อันเป็นเอกลักษณ์ มาพร้อมกับสายสะพายสามารถปรับระดับได้ ขนาดความยาว 7.5 นิ้ว ขนาดกะทัดรัดที่สื่อถึงยุค 90 ได้เป็นอย่างดี ราคาจำหน่ายของ Gucci ophidia small handbag อยู่ที่ 45,000 บาท

คู่ที่ 5 : Celine Teen Triomphe Classic VS Loewe Basket Bag

คู่ที่ 5 : Celine Teen Triomphe Classic VS Loewe Basket Bag

Celine Teen Triomphe Classic

ไอเท่มยอดฮิตที่ขาดไม่ได้เลยสำหรับหน้าร้อน ก็คือกระเป๋าสาน อันเป็นไอเท่มเด็ดตลอดกาล ไม่ว่าจะกี่ปี กี่ซีซั่น ยังไงก็ต้องมี นอกจากจะให้ฟีลลิ่งของความเป็นซัมเมอร์แล้ว ยังสามารถแมชกับทุกลุคการแต่งตัวอีกด้วย สำหรับแบรนด์ Celine ได้ออกกระเป๋าสานออกมาหลายรุ่น แต่รุ่นที่ได้รับความนิยมที่สุดรุ่นหนึ่งคือ CELINE Teen Triomphe Celine Classic Panier in Palm Leaves and Calfskin

ตัวกระเป๋าถูกสานขึ้นจากวัสดุธรรมชาติอย่างใบปาล์ม ตกแต่งด้วยหนังลูกวัวเป็นโลโก้ Celine ที่ด้านหน้าของกระเป๋า และสายสะพาย ความเรียบง่ายที่คงความหรูหราสไตล์ Celine ราคาจำหน่ายของ CELINE Teen Triomphe Celine Classic อยู่ที่ 24,000 บาท

Loewe Basket Bag

เมื่อคุณนึกถึงกระเป๋าสาน Loewe Basket Bag จะต้องเป็นหนึ่งที่อยู่ในลิสต์ของคุณอย่างแน่นอน ด้วยสไตล์ใหม่ ๆ มากมายที่เพิ่มเข้ามาในสายผลิตภัณฑ์ จึงมีตัวเลือกมากมายไม่รู้จบทั้งขนาด โทนสี หรือแม้แต่แบบสะพายไหล่ที่นุ่มกว่า รวมถึงกระเป๋าสะพายพาดลำตัวแบบผ้าทอขนสัตว์

แม้จะเป็นที่ยอมรับกันว่าราคาค่อนข้างสูง แต่กระเป๋าทรงตะกร้าของ Loewe ก็ยังคงเป็นหนึ่งในสินค้าที่คุ้มค่าที่สุดในแบรนด์หรูสัญชาติสเปนแห่งนี้ กระเป๋าทรงตะกร้า Loewe ทอขึ้นด้วยมือจากวัสดุธรรมชาติอย่างใบปาล์ม โดยที่หูหิ้วตัดเย็บจากหนังลูกวัว คุณสามารถเปลี่ยนสายหูหิ้วด้านบนเพื่อเปลี่ยนลุคของคุณได้  ราคาจำหน่ายของ Loewe Basket Bag อยู่ที่ 18,900 บาท

เรื่องฟังก์ชั่น เรื่องเทรนด์ไม่เข้าใครออกใคร ดังนั้น เรามักจะเห็นกระเป๋าจาก Luxury Brands ผลิตสินค้าออกมาตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอยู่เสมอ ๆ ซึ่งในหลายโอกาสเราก็มักจะเห็นรูปลักษณ์ของสินค้ามีหน้าตาคล้าย ๆ กันอยู่บ้างตามเทรนด์โลก ณ ขณะนั้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความคลาสสิกและความเป็นอมตะของการออกแบบ รวมถึงการหมุนเวียนของแฟชั่น ที่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเพียงใด "แฟชั่น" ก็จะยังคงเป็นแฟชั่นอยู่เสมอ

ที่ SF Brandname เราจำหน่ายสินค้าแบรนด์เนมของแท้เชื่อถือได้ 100% รวมทั้งมีบริการรับฝากขายสินค้าแบรนด์เนมทุกประเภท พร้อมให้ราคาสูง รวมถึงบริการสปา และจำนำกระเป๋าแบบครบวงจร ดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญซึ่งมีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี โดยสามารถติดต่อเราได้ตามช่องทางดังต่อไปนี้

  • Facebook : sfbrandname
  • Line : @sfbrandnamebkk
  • Website : https://sfbrandname.com/
  • Tel : 02-821-6444