How to ตรวจกระเป๋า Louis Vuitton ของแท้ ฉบับ 2023

How to ตรวจกระเป๋า Louis Vuitton ของแท้ ฉบับ 2023  หลุยส์ วิตตอง ได้รับการยอมรับทั่วโลกในด้านคุณภาพที่หรูหราและไม่มีใครเทียบได้ ในฐานะหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลก หลุยส์ วิตตองใช้เวลาหลายสิบปีในการปรับปรุงและตรวจสอบรายละเอียดของสินค้าทั้งหมด กระเป๋า Louis Vuitton ของแท้นั้น จะถูกตัดเย็บขึ้นด้วยมือจากช่างฝีมือมากประสบการณ์ที่มีความภาคภูมิใจในการผลิตสินค้าไร้ที่ติจากวัสดุที่ดีที่สุดและมีคุณภาพสูงสุดเท่านั้น

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน Louis Vuitton ประสบปัญหาสินค้าลอกเลียนแบบ ซึ่งมีการพัฒนาจนยากที่จะสามารถตรวจสอบความเป็นของแท้ หรือยากที่จะทำการแยกแยะ หากผู้ตรวจไม่มีประสบการณ์มากพอ ในบทความนี้ SF Brandname จะมาเปิดเผยวิธีตรวจสอบกระเป๋า Louis Vuitton ด้วยตัวเอง เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่อของสินค้าปลอมแปลง ที่กำลังระบาดอย่างมากในปัจจุบัน

How to ตรวจกระเป๋า Louis Vuitton ของแท้ ฉบับ 2023

การมีพื้นฐานและความรู้เบื้องต้น จะเป็นตัวช่วยให้คุณไม่เสียเวลาและเงินทองมากมายไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็น คุณไม่จำเป็นต้องมีใบรับรองเพื่อเรียนรู้กฏเกณฑ์ รวมถึงการแยกแยะกระเป๋าของแท้ออกจากของปลอม ต่อไปนี้เป็นขั้นตอนง่าย ๆ  ในการตรวจสอบว่าคุณเป็นเจ้าของสินค้า Louis Vuitton ของแท้หรือไม่

1. The Main Pattern

Louis Vuitton จะใช้วัสดุที่ดีที่สุด ในการผลิตกระเป๋าเท่านั้น หากคุณซื้อกระเป๋าจากบูทีค เรื่องพวกนี้ก็ไม่น่าห่วง แต่หากคุณซื้อมันมาจากตลาดซื้อขายแบรนด์เนมมือสองแล้ว ขั้นตอนการตรวจสอบ อาจต้องใช้ความละเอียดถี่ถ้วน เพื่อให้มั่นใจว่ากระเป๋าของคุณเป็นของแท้ ไม่ใช่เป็นสินค้าปลอมแปลงละเมิดลิขสิทธิ์ ในกรณีที่ทำการซื้อขายกับเว๊ปไซต์ซื้อขายแบรนด์เนมมือสอง ข้อแนะนำคืออย่าเพิ่งชำระเงินเต็มจำนวน หากยังไม่มีหลักฐานยืนยันและยังไม่ได้รับการตรวจสอบอย่างแน่ชัดถึงความเป็นของแท้

วัสดุที่เป็นซิกเนเจอร์คือ Monogram canvas, Damier Ebene และ Damier Azur ซึ่งเป็นแคนวาสลายคลาสสิกและได้รับความนิยมที่สุด มีคุณสมบัติด้านกันน้ำ ทนทาน และทำความสะอาดได้ง่าย หรือหนัง Empreinte ซึ่งเปิดตัวในปี 2010 และได้รับความนิยมในทันที และ Monogram Vernis Leather, Electric Leather, Damier Carbon ล้วนเป็นส่วนเสริมของรุ่นคลาสสิก ดังนั้น หากคุณกำลังซื้อสินค้าจากเว๊ปไซต์สินค้ามือสองและต้องการทราบว่าเป็นสินค้าที่ถูกกฎหมายหรือไม่ ให้ถามคำถามเหล่านี้ คุณจะได้คำตอบของคุณ

ลาย Damier และ Monogram อันโด่งดังของ Louis Vuitton ถูกสร้างขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการเลียนแบบ ออกแบบโดย Georges Vuitton สร้างโลโก้ L และ V ที่ทับซ้อนกันในปี 1896 สี่ปีหลังจากการเสียชีวิตของ Louis เพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อ Louis Vuitton และเป็นการต่อสู้กับสินค้าลอกเลียนแบบ

ลวดลายคล้ายตารางหมากรุกนี้ ใช้กันอย่างแพร่หลายในผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ของ Louis Vuitton ซึ่งได้รับความนิยมไม่แพ้ลวดลายคลาสสิกอย่าง Monogram เลยแม้แต่น้อย โดยมีการผลิตออกมาหลายสี ตัวอย่างด้านล่างที่นำมาเปรียบเทียบในครั้งนี้ มีชื่อเรียกว่า "Damier Ebene"

ในการตรวจสอบรูปแบบ Damier Ebene คุณต้องใส่ใจกับพื้นผิวของผ้าใบ สังเกตว่าผ้าใบของแท้มีเท็กซ์เจอร์ที่ชัดเจนมาก ในขณะที่กระเป๋าถือของปลอมจะไม่มีลายที่ดูชัดเจน รายละเอียดอื่นที่ควรสังเกตได้แก่ ตัวพิมพ์อักษรและคุณภาพของข้อความ ในรูปตัวอย่าง คุณจะสังเกตเห็นว่าโลโก้ Louis Vuitton ของแท้มีตัวอักษรที่หนาค่อนไปทางสีเหลือง ในส่วนของโลโก้ปลอม ตัวอักษรจะมีลักษณะบางกว่าและมีเฉดสีออกไปทางสีส้ม

ผืนผ้าใบลาย Monogram นี้ ถือได้ว่าเป็นลวดลายสุดคลาสสิก และได้รับความนิยมที่สุด ผู้ผลิตของละเมิดลิขสิทธิ์ได้พยายามปรับปรุงและลอกเลียนแบบให้ลวดลายนี้มีความสมบูรณ์ไร้ที่ติเทียบเท่าของแท้มากที่สุด แต่ก็ยังมีข้อบกพร่องบางประการ ซึ่งทำให้ของปลอม ยังคงแตกต่างจากของแท้ แม่ว่าจะมีการพัฒนารูปแบบเพียงใดก็ตาม

ตรวจสอบลักษณะพื้นผิวของผ้าใบ ซึ่งเมื่อสัมผัสดูจะมีพื้นผิวที่ลื่นไหล ลวดลายไม่แข็ง งานพิมพ์ลาย Monogram มีเฉดสีที่เหมาะสม สม่ำเสมอ รูปร่างสมส่วน ในขณะที่ของปลอม จะมีความหนาแน่นไม่เท่ากันรวมถึงสีที่ไม่สม่ำเสมอ สิ่งที่ควรทราบอีกประการหนึ่งคือการจัดวางรายละเอียดและระยะห่างระหว่างรายละเอียดเหล่านั้น ตรวจสอบให้แน่ใจว่ารูปแบบสอดคล้องกับรุ่นและขนาดของกระเป๋าถือของคุณ

 

2. The Outer Logo Tag/ Tab

ตราประทับและป้ายประดับโลโก้ต่าง ๆ ถือเป็นอีกชิ้นส่วนหนึ่งที่สำคัญ ในการตรวจความเป็นของแท้ เนื่องจากมีรายละเอียดหลายอย่างที่ต้องทำการตรวจสอบอย่างละเอียด ในที่นี้เราจะกล่าวถึงตนาประทับ และโลโก้ภายนอก 4 ประเภทและแบ่งปันเคล็ดลับบางประการเกี่ยวกับวิธีสังเกตตราประทับบนสินค้าปลอมแปลง

The Ring Logo Tag

ป้ายโลโก้เหล่านี้ มักพบได้ในกระเป๋ารุ่น pochettes ก่อนเริ่มการตรวจสอบอย่างละเอียด คุณต้องตรวจสอบลักษณะโดยรวมของแผ่นป้ายเหล่านี้ และตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้ตรวจสอบด้านต่าง ๆ ของโลโก้แล้ว โดยส่วนใหญ่แล้วป้ายแถบหนังจะมีลักษณะเป็นรูปสามเหลี่ยม ซึ่งมีการตัดขอบมนเล็กน้อยและความหนาที่พอดี ในป้ายโลโก้ของปลอม แถบหนังจะมีความบาง และมีความคมของเหลี่ยมมากกว่าที่ควรจะเป็น โปรดจำไว้ว่าสีของป้ายหนังเหล่านั้นอาจแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสภาพของกระเป๋าและปีที่วางจำหน่าย

จากนั้นตรวจสอบการเย็บและตรวจสอบให้แน่ใจว่าใช้ด้ายที่ถูกต้อง กระเป๋าของปท้จะใช้ด้ายคุณภาพสูง ฝีเข็มเย็บเรียงเป็นระเบียบ มีความหนาและมีเฉดสีเดียวกับตัวป้ายหนัง แต่สำหรับในกระเป๋าปลอม จะใช้ด้ายคุณภาพต่ำ บาง ฝีเข็มเย็บไม่เป็นระเบียบ รวมทั้งตัวสีด้าย อาจมีเฉดสีสว่างหรือมืดกว่าตัวป้ายหนัง

นอกจากนี้ควรให้ความสำคัญกับตราประทับ กระเป๋าของแท้จะใช้ฟ้อนที่ดูเป็นระเบียบและมีการเว้นช่องไฟอย่างสม่ำเสมอ หนึ่งในข้อผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดที่เกิดขึ้นจากผู้ผลิตสินค้าลอกเลียนแบบคือการใช้แบบอักษรไม่ถูกต้อง ในส่วนของสัญลักษณ์ ® ซึ่งบางครั้งทำให้ดูใหญ่เกินไป และไม่ได้สัดส่วน

The Triangular Logo Tag

ป้ายโลโก้รูปสามเหลี่ยมเหล่านี้พบได้ในกระเป๋าขนาดใหญ่ เช่น กระเป๋าใส่เครื่องประดับ Louis Vuitton multi pochette ในที่นี้ นอกจากฟอนต์และรูปลักษณ์โดยรวมของแท็กแล้ว เราควรเน้นที่การเย็บและรูปลักษณ์โดยรวมของแท็กด้วย รอยเย็บบนกระเป๋าของแท้ อาจสังเกตเห็นความไม่เป็นระเบียบเพียงเล็กน้อย เนื่องจากเป็นการเย็บด้วยมือ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่พอรับได้ แต่สำหรับข้อบกพร่องที่กระเป๋าของปลอมมักจะละเลยนั่นก็คือ โลโก้ของ Louis Vuitton ของจริงมักจะมีการเย็บสองทบเสมอ

จากรูปตัวอย่าง จะสังเกตได้ว่า ของปลอมจะใช้ด้ายเย็บเพียงชั้นเดียว และฝีเข็มที่ดูสม่ำเสมอมากเกินไป เนื่องจากใช้เครื่องจักรในการเย็บ ตราประทับบนกระเป๋าของปลอม จะมีการกดน้ำหนักมากเกินไปอย่างเห็นได้ชัด ในขณะที่ตราบนกระเป๋าแท้ ไม่เป็นเช่นนั้น

The Base Logo Tab

ตราประทับที่ปรากฏบนฐานของกระเป๋า ตราเหล่านี้จะพบได้ในกระเป๋าถือ Louis Vuitton รุ่น Alma และ Speedy โปรดจดจำคุณลักษณะหลักทั้งหมดที่ต้องตรวจสอบ ไม่ว่าจะเป็นขนาดตัวอักษร ระยะห่างช่องไฟ การเย็บ ดังที่ได้อธิบายไว้ในข้อต้น ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของตัวอักษร ความหนักเบาของตราประทับ ซึ่งเป็นสิ่งที่ละเอียดอ่อนและต้องใช้ความสังเกตในการเทียบจุดต่อจุด

3. The Inner Logo Label

Louis Vuitton ขึ้นชื่อเรื่องการระบุอัตลักษณ์ของแบรนด์ ลงบนทุกจุดแม้เป็นจุดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นอะไหล่ตามจุดต่าง ๆ ของกระเป๋า หมุดกระเป๋า ซิป หรือแม้กระทั่งแผ่นป้ายหนัง ซึ่งเย็บติดอยู่ภายในกระเป๋า โดยมีการระบุข้อความเป็นมาตรฐานดังนี้คือ

ดังที่ปรากฏบนภาพตัวอย่างด้านบน คุณจะพบเห็นฝีเย็บที่ไม่เป็นระเบียบ ตัวประทับมีความหนามากเกินไป ทำให้ตัวอักษรนูนอย่างเห็นได้ชัด ในขณะเดียวกันตราประทับของแท้มีความบางกว่า นอกจากนี้ โปรดทราบว่าประเทศที่ผลิตกระเป๋าไม่มีผลต่อความหนาของข้อความบนแผ่นตราประทับ ดังนั้น ไม่ว่าป้ายภายในกระเป๋าของคุณจะระบุว่ากระเป๋าของคุณถูกผลิตขึ้นในฝรั่งเศส อิตาลี สเปน หรือประเทศอื่น ๆ ความหนาของตัวอักษรควรเหมือนกับในตัวอย่างของแท้ด้านบน ซึ่งเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วโลก

ลักษณะของตัวปั๊ม จะต้องมีความคมชัด ไม่มีการกดลงบนชั้นหนังลึกเกินไปจนเกิดรอยบุ๋มบนหนัง ตัวอักษรไม่บิดเบี้ยว ไม่เลอะเทอะในกรณีที่เป็นตัวปั๊มสี ข้อสังเกตง่ายๆของฟ้อนตัวอักษรคือ หางบนตัว L จะสั้นมาก ส่วนตัว O จะกลมเท่ากัน และในตัว T ทั้ง 2 ตัวอยู่ติดกันมากจนดูกลมกลืนเหมือนเป็นคำ ๆ เดียวกัน อีกทั้งตัวอักษรจะบาง ไม่หนาจนเกินไป

แน่นอนว่าความแตกต่างเล็กน้อย (แต่น้อยมาก) อาจเกิดขึ้นได้ เนื่องจากกระเป๋าแต่ละใบ ถูกตัดเย็บขึ้นด้วยมือ จึงอาจมีอัตลักษณ์ของแต่ละใบ ซึ่งอาจเห็นถึงความแตกต่างเพียงเล็กน้อย เมื่อนำกระเป๋าของแท้ รุ่นเดียวกันมาเทียบกัน แต่เนื่องจาก Louis Vuitton ใส่ใจในคุณภาพของสินค้าเป็นอย่างมาก ตราประทับต่าง ๆ จึงถูกผลิตออกมาตามมาตรฐานที่ตั้งไว้สูงสุด

4. Datecode

โดยปกติแล้ว กระเป๋าจากหลุยส์ วิตตองทุกใบ จะมีการระบุ Date code (DC) เป็นรหัสที่ระบุสถานที่ รวมถึงปีที่ผลิต ระบุอยู่ในกระเป๋าทุกใบ โดยแต่ละรุ่นของกระเป๋า จะปรากฏการตีพิมพ์ของรหัสที่แตกต่างกันออกไป โดยอาจระบุบน Tag หนังขนาดเล็กที่เย็บติดในกระเป๋า , ซับในของกระเป๋า หรืออาจปั๊มลงบนตัวกระเป๋า ซึ่งทั้งหมดนั้น นอกจากเป็นรหัสที่บ่งบอกถึงสถานที่รวมถึงปีการผลิตแล้ว ยังเป็นสิ่งที่แบ่งแยกกระเป๋ารุ่นเก่า (Vintage) และรุ่นปัจจุบันได้อีกด้วย

นอกจากเราจะสามารถเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติกระเป๋าแต่ละใบ ผ่านตัวรหัส DC แล้ว DC ยังเป็นกุญแจสำคัญ ในการช่วยเราพิจารณาตรวจสอบสินค้า ว่าเป็นของแท้หรือของละเมิดลิขสิทธิ์ โดยรหัสเหล่านี้ ได้รับการตีตราลงบนกระเป๋าถือ กระเป๋าสตางค์ เข็มขัด และรองเท้าทุกรุ่น มาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษที่ 1980s สำหรับสินค้าที่ถูกผลิตก่อนหน้าปี ค.ศ. 1980 นั้น จะไม่มีรหัสเหล่านี้ จึงต้องใช้ความชำนาญในการตรวจสอบกระเป๋าวินเทจเหล่านั้น

สำหรับกระเป๋าที่วางจำหน่ายหลังปี 1980 ตัวอักษรสองตัวแรกหมายถึงสถานที่ผลิต ในขณะที่ตัวเลขหมายถึงวันที่ หมายเลขตำแหน่งที่ 1 และ 3 แสดงสัปดาห์ที่ผลิตกระเป๋าถือ และหมายเลขตำแหน่งที่ 2 และ 4 หมายถึงปีที่ผลิต โปรดดูรายการด้านล่างเพื่อทำความเข้าใจความหมายของตัวอักษร แต่ต้องระวังเนื่องจาก Datecode บางตัว สามารถแสดงสถานที่ผลิตได้หลายแห่ง โปรดตรวจสอบหมายเลข Datecode และประเทศที่ผลิตซึ่งถูกประทับตราไว้บนแผ่นหนัง Logo Tag

ปัจจุบัน Louis Vuitton ได้ทำการยกเลิกการระบุ Datecode เปลี่ยนเป็นการฝังไมโครชิพขนาดเล็กที่เรียกว่า Small Radio Frequency identification หรือ RFID ตั้งแต่เดือนมีนาคม ปี 2021 ที่ผ่านมา ซึ่งในชิพจะระบุข้อมูลต่าง ๆ ดังนี้

• สถานที่ ที่กระเป๋าถูกผลิต (ประเทศและโรงงานผลิต)
• คำอธิบาย (Description) เฉพาะของกระเป๋า เช่น รุ่น หรือขนาดต่าง ๆ
• รหัสของกระเป๋า (Style Code)
• วันที่กระเป๋าถูกจำหน่าย
• รายละเอียดต่าง ๆ ของลูกค้าที่ซื้อกระเป๋าไป (customer details)
• ร้านค้า / Website ที่กระเป๋าถูกจำหน่ายออกไป รวมทั้งชื่อของพนักงานผู้เป็นคนขายกระเป๋าใบนั้น ๆ

ทั้งนี้ทั้งนั้นหากต้องการตรวจสอบกระเป๋าที่มี Datcode รุ่นเก่า ๆ โปรดสังเกตลักษณะของแถบหนังจะมีความหนา และตัวประทับที่ชัดเจน ถ้าเป็นแถบหนังในกระเป๋าปลอมจะมีความบางกว่ามาก

5. The zipper

เป็นอีกจุดสังเกตที่หลาย ๆ คนมักมองข้าม เพราะตัวซิปส่วนใหญ่ เมื่อมองเผิน ๆ มักจะไม่เห็นความแตกต่าง จนเมื่อได้ทำการสัมผัสและเปรียบเทียบรวมถึงวิเคราะห์รายละเอียดอื่น ๆ อย่างถี่ถ้วน จะพบถึงความแตกต่างที่เห็นได้ชัดระหว่างอะไหล่ซิปบนกระเป๋าของแท้และของปลอม

โดยส่วนมาก ซิปบนกระเป๋าปลอม จะถูกผลิตขึ้นจากวัสดุโลหะราคาถูกหรือแม้กระทั่งพลาสติกเคลือบ ซิปบนกระเป๋าแท้จะมีความหนามากกว่าเนื่องจากผลิตจากวัสดุชั้นดี ไม่มันวาวและสัญลักษณ์ LV ไม่นูนหนาจนเกินไป สำหรับในกระเป๋าของปลอมส่วนใหญ่ ตัวอะไหล่จะทำจากพลาสติกพ่นสีทองหรือเงิน ซึ่งทำให้มีน้ำหนักเบา และจะมีการลอกหรือลบเลือนได้ง่าย เมื่อผ่านการใช้งาน

รายละเอียดเหล่านี้ รวมไปถึงอะไหล่ชิ้นส่วนอื่นของกระเป๋า ไม่ว่าจะเป็นกระดุม หมุดต่าง ๆ ตามตัวกระเป๋า สายโซ่คล้องแขน ตัวกุญแจแม่กุญแจ หรือแถบโลหะบนสายสะพายต่าง ๆ จำเอาไว้ว่า ตัวอักษรจะต้องเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่หนาหรือบางจนเกินไป กระเป๋าปลอมมีสายโซ่ที่ดูแวววาวเกินไปมักจะเกิดจากการใช้วัสดุคุณภาพต่ำในการผลิต ในขณะที่กระเป๋าของแท้จะมีสายที่แวววาวน้อยกว่าสายโซ่ของกระเป๋าปลอม

6. Dust bag

• รุ่นแรก คือถุงผ้าที่มาพร้อมกับกระเป๋าที่ผลิตในช่วงยุคแรก ๆ ก่อนปี ค.ศ. 2004 โดยใช้วัสดุเป็นผ้าฝ้ายอย่างหนา 100% มาทำการตัดเย็บ ตัวถุงผ้ามีสีน้ำตาลเข้ม มีการพิมพ์ตัวอักษร “LV” ไขว้ อันเป็นสัญลักษณ์ ไว้ที่ด้านหน้าของถุง สีของตัวอักษรจะเป็นสีน้ำตาลเข้ม มีทั้งแบบที่เป็นถุงผ้าพับและแบบถุงผ้าหูรูด ในถุงผ้าหูรูด เชือกจะเป็นเชือกขนาดบาง มีสีน้ำตาลเข้มด้วยเช่นกัน

• รุ่นที่ 2 เป็นถุงผ้าที่เริ่มใช้ตั้งแต่ ค.ศ. 2004 – 2016 ตัดเย็บจากผ้าฝ้าย 100% เช่นกัน แต่มีขนาดบางกว่ารุ่นเก่าเล็กน้อย สีเหลืองครีม ระบุตัวอักษร “LOUIS VUITTON” สีน้ำตาลตัวพิมพ์ใหญ่ด้านหน้าของถุงผ้า ตัวอักษรจะต้องอยู่ตรงกึ่งกลางอย่างสมบูรณ์ ไม่บิดเบี้ยว มีทั้งลักษณะถุงผ้าพับและถุงแบบหูรูด สำหรับถุงหูรูด เชือกจะมีสีน้ำตาลเข้ม

• รุ่นที่ 3 ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2016 เป็นต้นมา ทาง Louis Vuitton ได้ทำการเปลี่ยนรูปแบบ Packaging ใหม่ทั้งหมด จากเดิมเป็นสีน้ำตาลเข้ม มาในเฉดสีเหลืองส้ม รูปแบบใหม่ที่มีชื่อเรียกเฉพาะว่า “Imperial Saffron” ถุงผ้าตัดเย็บจากผ้าฝ้าย 100% แต่มีลักษณะบางกว่า 2 รุ่นแรกมาก สีของถุงผ้า ออกสีเหลืองครีม ด้านหน้าพิมพ์ตัวอักษร “LOUIS VUITTON” สีน้ำเงินเข้ม มีความหนากว่ารุ่นก่อน มีทั้งลักษณะถุงผ้าพับและถุงแบบหูรูด สำหรับถุงหูรูด เชือกมีขนาดหนา มีสีน้ำเงินเข้ม

จุดสังเกต : สำหรับถุงผ้าของปลอม ส่วนใหญ่จะทำจากผ้าแบบบางที่ไม่ได้มาตรฐาน หรือผ้าราคาถูก มักจะมีขุยและฉีกขาดง่าย ตัวอักษรที่ตีพิมพ์บนถุงผ้า มีลักษณะไม่คมชัด หนาหรือบางเกินไป สีของตัวอักษรเลอะเทอะ เลอะเลือน ทั้งหมดนี้ล้วนแล้วแต่เป็นคุณสมบัติของถุงผ้าปลอม ที่ไม่ควรละเลยในทุกรายละเอียด และนี่คือตัวอย่างถุงผ้าของปลอม ที่สามารถพบเจอได้ทั่วไปในปัจจุบัน

ภายในของถุงผ้าทุกรุ่น จะมีการเย็บติดป้ายสีขาวเล็ก ๆ ด้านใน ระบุข้อความว่า  “100% cotton Made in India” พร้อมทั้งหมายเลข Serial Number ของถุงผ้านั้นๆ แต่อาจพบได้ว่า มีถุงผ้าที่ผลิตจากประเทศอื่นๆอีก อาทิเช่น Made in Spain , Italy หรือ Japan ฉะนั้นไม่ต้องตกใจ หากพบว่าถุงผ้าของคุณ ไม่ได้ผลิตจากประเทศอินเดีย หากได้ตรวจสอบรายละเอียดปลีกย่อยจุดอื่น ๆ อย่างถี่ถ้วนแล้ว

7. Authenticity Card

ในกระเป๋าของแท้ จะไม่มี Authenticity Card แนบมากับตัวกระเป๋าด้วยอย่างเด็ดขาด กระเป๋าลอกเลียนแบบส่วนมาก จะมาพร้อมกับบัตรเหล่านี้ เพื่อให้ผู้บริโภคที่ไม่มีความรู้เบื้องต้น เกิดความสับสนและเชื่อว่าเป็นของแท้ แต่ในกระเป๋าของแท้ คุณอาจพบกับการ์ดรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก สีครีม ซึ่งระบุรุ่นของกระเป๋ารวมถึงบาร์โค้ดบนนั้น ดังรายละเอียดต่อไปนี้

การ์ดของปลอมเหล่านี้ ส่วนใหญ่ จะมาพร้อมกับห่อกระดาษสีเหลืองครีมหรือสีเขียวสด ระบุตัวอักษร LOUIS VUITTON สีน้ำตาลเลือดหมูบนนั้น หากคุณซื้อกระเป๋า Louis Vuitton จากบูทีค จะได้รับใบเสร็จที่ใส่มาอย่างเรียบร้อยในซองสีน้ำตาลเข้ม (สำหรับกระเป๋ารุ่นเก่าก่อน 2016) และสีเหลืองแซฟฟรอน (สำหรับกระเป๋ารุ่นหลังปี 2016) จะไม่มีสีอื่นใดนอกจากนี้เป็นอันขาด แต่ในปัจจุบัน บริษัทผลิตกระเป๋าปลอมได้รับการพัฒนาไปอย่างมาก ในเรื่องของอุปกรณ์ที่มาพร้อมกับกระเป๋าก็สามารถทำได้คล้ายของแท้เป็นอย่างมาก ดังนั้นต้องพิจารณาส่วนอื่นประกอบการตัดสินใจด้วย

สำหรับการ์ดหรือแท็คที่แนบมากับกระเป๋าของแท้นั้น จะแบ่งออกเป็น 3 แบบด้วยกัน (ไม่จำเป็นต้องมีครบทั้ง 3 แบบ ขึ้นอยู่กับภูมิภาคสาขาที่ซื้อ และหากเป็นกระเป๋ามือ 2 การ์ดเหล่านี้อาจไม่ได้แนบมากับกระเป๋าด้วย)

• ชิ้นแรก คือ แท็คขนาดเล็ก รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สีครีม ระบุวัสดุที่ใช้ผลิตกระเป๋าใบนั้น ๆ (ยกตัวอย่างเช่น ผ้าหรือชนิดของหนัง) โดยด้านหนึ่งจะระบุเป็นภาษาอังกฤษ เมื่อพลิกอีกด้านหนึ่ง จะระบุเป็นภาษาฝรั่งเศส ซึ่งแท็คนี้ จะไม่มีการเย็บติดมากับกระเป๋าด้วยวิธีการใดทั้งสิ้น โดยทาง Louis Vuitton จะทำการแนบมัน มากับช่องต่าง ๆ ในกระเป๋า (ในกระเป๋าปลอมเกรดต่ำส่วนมาก จะทำการห้อยแท็คนี้ ไว้ที่หูกระเป๋าด้านนอก)

• ชิ้นที่ 2 คือ การ์ดหรือสติ๊กเกอร์ สี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่ระบุรหัสรุ่น ชื่อรุ่นของกระเป๋ารวมทั้งบาร์โค๊ต ในบางใบอาจมีรูปของกระเป๋ารุ่นนั้น ๆ ระบุด้วยก็ได้ สำหรับกระเป๋ารุ่นเก่า ส่วนกระเป๋ารุ่นใหม่จะปรากฏในลักษณะของ QR Code ทั้งนี้ทั้งนั้นแตกต่างกันออกไปในแต่ละรุ่นและปีที่ผลิตของกระเป๋า

• ชิ้นที่ 3 คือ คู่มือการดูแลรักษาที่แนบมาด้วย โดยในคู่มือรุ่นเก่า มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า สีขาว อาจมีการเย็บเป็นเล่มหรือเป็นแผ่นพับก็ได้ ด้านหน้าจะระบุถึงผลิตภัณฑ์ที่เราได้ทำการซื้อ (ซึ่งกระเป๋าปลอมส่วนใหญ่จะลอกเลียนแบบในส่วนนี้เยอะมาก)

สำหรับกระเป๋ารุ่นใหม่ ๆ จะมาพร้อมกับคู่มือขนาดเท่าฝ่ามือสีส้ม ด้านหน้าระบุคำว่า LOUIS VUITTON ด้านใต้ ระบุประเภทของผลิตภัณฑ์ที่เราซื้อ ภายในจะระบุวิธีเก็บรักษาผลิตภัณฑ์ โดยแบ่งเป็น 4 ภาษาหลัก ๆ ด้วยกัน คือ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น และ ภาษาจีน (อาจมีภาษาอื่นเพิ่มได้ ขึ้นอยู่กับแต่ละภูมิภาค)

Louis Vuitton ปกป้องสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวในการใช้เครื่องหมายการค้าจดทะเบียนอย่างจริงจังและเป็นระบบโดยดำเนินการทางกฎหมายทั่วโลก Louis Vuitton มีนโยบายไม่ยอมให้มีการปลอมแปลง และมุ่งมั่นที่จะรักษาความสมบูรณ์และประวัติศาสตร์อันยาวนานของแบรนด์ เพื่อปกป้องสิทธิและความภักดีของลูกค้า สิ่งหนึ่งที่ควรทราบก็คือ Louis Vuitton ไม่เคยมีการลดราคาสินค้า หากพบเห็นสินค้า Louis Vuitton ที่โฆษณาว่าลดราคา หากไม่ใช่บนเว๊ปตลาดซื้อขายแบรนด์เนมมือสอง ส่วนใหญ่มักจะเป็นของปลอมเสมอ

สำหรับที่ SF Brandname เราจำหน่ายเฉพาะสินค้า Louis Vuitton ของแท้เท่านั้น เราให้ความสำคัญกับสินค้าแท้ จึงใช้ Warranty Card เพื่อรับประกันว่าสินค้าจากเราเป็นของแท้อย่างแน่นอน SF Brandname เป็นแหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนม เป็นศูนย์กลางการซื้อ ขายและฝากขาย รับจำนำและรับทำความสะอาดกระเป๋าครบวงจร ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ 02-8216444 ทุกวันตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 1 ทุ่ม หรืออีเมล์ [email protected] ทั้งหมดนี้คือ How to ตรวจกระเป๋า Louis Vuitton ของแท้ ฉบับ 2023 จาก SF Brandname