All about Dior Saddle Bag การกลับมาของกระเป๋าทรงอานม้าสุดฮิต

All about Dior Saddle Bag การกลับมาของกระเป๋าทรงอานม้าสุดฮิต Saddle เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1999 โดย John Galliano ซึ่งเป็นหัวหน้านักออกแบบของแบรนด์ในขณะนั้น เป็นส่วนหนึ่งของคอลเล็กชั่น Spring/Summer 2000 ได้รับแรงบันดาลใจจากลุคคาวบอยทั่วไป ได้รับการออกแบบให้สามารถสะพายรับแนบชิดกับลำตัว พร้อมสายสะพายแบบสั้น ๆ ให้ลุคเก๋ ๆ ชิค ๆ หลังจากเปิดตัว Saddle ได้รับความนิยมอย่างสูงในทันที

ในปี 2018 มันกลับมา Re-born อีกครั้งในงานแฟชั่นโชว์ Fall/Winter 2018 Collection เพิ่มเติมด้วยลูกเล่นใหม่ ๆ บนกระเป๋า  ไม่ว่าจะเป็นลวดลายปักสุดปราณีต มาพร้อมกับอะไหล่ Hardwear รูปตัว D ขนาดใหญ่อันโดดเด่นห้อยอยู่ด้านหน้า สายสะพายด้ายข้าง เพิ่มเติมอะไหล่รูปตัว C และ D ดูทันสมัย ส่งผลให้กระเป๋ามันกลับมาดังเปรี้ยงปร้างอีกครั้ง SF Brandname จะพาไปทำความรู้จักสุดยอดกระเป๋าซึ่งขึ้นแท่น It Bag ตลอดกาลรุ่นนี้ไปพร้อมกัน

คุณสามารถมองเห็นกระเป๋า Dior Saddle แม้ว่าตัวจะอยู่ห่างออกไปหนึ่งไมล์ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เพราะมันไม่ใช่เพียงแค่กระเป๋าถือธรรมดา แต่มันยังขึ้นแท่นกระเป๋ารุ่น Iconic ที่ถือว่าเป็นหนึ่งในกระเป๋าอันเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์สัญชาติฝรั่งเศสนี้ นับตั้งแต่มันเปิดตัวบนรันเวย์ครั้งแรก เมื่อ 23 ปีที่แล้ว กระเป๋ารูปทรงเก๋ไก๋นี้ยังคงสถานะเป็น it bag และมันยังคงถูกสะพายโดยดารา นักแสดงและผู้มีชื่อเสียงจากหลากหลายวงการ อะไรคือสิ่งที่ทำให้กระเป๋ารุ่นนี้กลายเป็นสิ่งที่ต้องมีติดตู้เสื้อผ้าของสาวแฟชั่นทุกคน ?

Dior Saddle เป็นหนึ่งในกระเป๋าอันเป็นเอกลักษณ์ของ Dior และกลายเป็นกระเป๋าที่สาว ๆ ทั่วโลกต้องมี  "ตัวล็อคแม่เหล็ก D'-stirrup อันเป็นสัญลักษณ์ ฝาปิดกระเป๋าและตัวกระเป๋าที่คล้ายกับอานม้า รวมถึงอะไหล่ CD มันวาวที่ด้านข้างของหูหิ้วทั้ง 2 ข้าง ให้ความรู้สึกทันสมัย ไม่ตกยุคทันที สำหรับตัวกระเป๋าและชื่อรุ่นนั้น ได้แรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากอานม้า บางข้อมูลกล่าวว่า แรงบันดาลใจมาจากผลงานภาพถ่ายของ Helmut Newton "Saddle I" ซึ่งปรากฏภาพนางแบบสวมอานม้าโพสท่าอยู่บนเตียง

ดีไซเนอร์ John Galliano สร้างสรรค์กระเป๋ารุ่นนี้ สำหรับคอลเล็กชั่นแรกของเขาในฐานะผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์ ปรากฏตัวครั้งแรกบนรันเวย์แฟชั่นโชว์ Spring/Summer 2000 และสร้างกระแสฮือฮาเป็นอย่างมาก กล่าวกันว่ากระเป๋ารุ่นนี้แสดงให้เห็นถึงความคลาสสิกของการขี่ม้าและแฟชั่นโลโกมาเนียที่ได้รับความนิยม หลายกระแส กล่าวว่านักออกแบบได้ดึงแรงบันดาลใจจากภาพถ่ายอันร้อนแรงของ Helmut Newton ที่ทำให้เครื่องประดับสำหรับนักขี่ม้าดูโรแมนติกมากยิ่งขึ้น

ย้อนไปในปี ค.ศ. 1999 John Galliano กุมบังเหียนดีไซเนอร์ประจำบ้าน Dior มาเป็นเวลา 3 ปี ถึงเวลาที่เขาต้องออกแบบกระเป๋าใบแรกให้กับคอลเล็กชั่นแรกของเขา หลังจากทศวรรษแห่งเทรนด์สไตล์กรันจ์ชิค เรียบง่าย และสไตล์คนเมือง ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ Galliano แนวหน้าจะเลือกเส้นทางที่แตกต่างออกไปสำหรับคอลเล็กชั่นแรกของเขาสำหรับสหัสวรรษใหม่ The saddle เปิดตัวบนแคตวอล์กโดยเป็นส่วนหนึ่งของ SS00 SHOW ของเขา ซึ่งเต็มไปด้วยผ้าเดนิมคาวบอยและผ้าไหมจ๊อกกี้ในธีมขี่ม้า

ความนิยมของกระเป๋าเป็นกระแส กระเป๋าที่สดใหม่ที่สุดของ John Galliano ปรากฏบนสื่ออย่างรวดเร็ว หลังจากมันปรากฏตัวในซีรีย์ Sex and the City ในฐานะกระเป๋าคู่ใจของ Carrie Bradshaw ทำให้มันสร้างปรากฏการณ์ความนิยมด้วยยอดขายกว่า 60% ในปี 2001 แต่หลังจากปี 2007 กระเป๋าก็ไม่ได้รับความนิยมอีกต่อไป และความสนใจในกระเป๋ารุ่นนี้ก็ลดลงเรื่อย ๆ จนหายไปจากรันเวย์และร้านบูทีคของ Dior โดยสิ้นเชิง

มันกลับมาปรากฏตัวอีกครั้ง เมื่อนักร้องชื่อดัง Beyoncé ได้ทำการสะพายกระเป๋าของเธออีกครั้ง ในขณะนั้นกระเป๋าอานม้ารุ่นนี้ มีอายุครบ 14 ปี ซึ่งในวงการถือว่าเป็นกระเป๋ารุ่นวินเทจแล้ว ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บรรดาเหล่าผู้มีชื่อเสียงจากหลายแวดวง ก็ทำการปัดฝุ่นกระเป๋าอานม้าของตัวเอง และนำมันออกมาสะพาย เปิดโลกอีกครั้ง จนกระทั่ง Maria Grazia Chuiri นั่งคุมหางเสือของ Dior ปลุกชีพให้มันกลับมา Re-born อีกครั้งในงานแฟชั่นโชว์ Fall/Winter 2018

ในปี ค.ศ. 2018 ดีไซเนอร์ Maria Grazia Chiuri ได้ทำการปัดฝุ่น ปรับปรุงโฉมของกระเป๋ารุ่นนี้ ให้ทันสมัยมากขึ้น โดยทาง Dior ได้จัดงาน Instagram blitzkrieg ขนาดใหญ่ที่แทบจะกะทันหันโดยเกี่ยวข้องกับบุคคลที่มีชื่อเสียงด้านแฟชั่นที่โด่งดังที่สุดทั่วโลกโดยโพสท่าพร้อมกระเป๋าอานม้าโฉมใหม่ การตลาดแบบสายฟ้าแลบที่ชาญฉลาดของพวกเขาได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการดึงดูดความสนใจในทันที กล่าวกันว่าผลการค้นหาชื่อกระเป๋าอานม้าใบนี้ พุ่งสูงถึง 1000% เลยทีเดียว

สำหรับคอลเล็กชั่น Fall/Winter 2018 ของ Dior มาเรีย กราเซีย ชิอูรี ครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ได้เปิดตัว Saddle Bag อีกครั้งอย่างเป็นทางการในร้านบูติก โดยปรับโฉมใหม่เพื่อนักช้อปยุคมิลเลนเนียลและ Gen Z รุ่นใหม่ ซึ่งถือว่าเป็นคอลเล็กชั่นนี้เป็นโอกาสที่จะฟื้นคืนความงามอันเหนือกาลเวลาของกระเป๋าอานม้าใบนี้

The Size of the bag

ด้วยสถานะไอคอนที่โด่งดังไปทั่วโลก กระเป๋ารูปทรงอานม้าจาก Dior ใบนี้ จึงเป็นของที่จำเป็นต้องมีของสาว ๆ ทั่วโลก ก่อนที่คุณจะตัดสินใจเลือกน้องมาเคียงข้างกาย ต่อไปนี้คือทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับตัวเลือกขนาดกระเป๋า ขนาด และลักษณะของแต่ละขนาด โดยมีให้เลือกทั้งหมด 3 ขนาดด้วยกัน คือ Micro, Mini, และ Classic (หรือ Medium)

• Micro : ขนาดของกระเป๋าอยู่ที่ 14 x 11 x 4.5  เซนติเมตร (5.5 x 4.5 x 2 นิ้ว) ความยาวของสายสะพายอยู่ที่ 82 - 97 เซนติเมตร (32.5 - 38 นิ้ว)
• Mini : ขนาดของกระเป๋าอยู่ที่ 19 x 16 x 5 เซนติเมตร (7.5 x 6.5 x 2 นิ้ว) ความยาวของสายสะพายอยู่ที่ 84 - 102 เซนติเมตร (33 - 40 นิ้ว)
• Classic (Medium) : ขนาดของกระเป๋าอยู่ที่ 25.5 x 20 x 6.5 เซนติเมตร (10 x 8 x 2.5 นิ้ว) ความยาวของสายสะพายอยู่ที่  95 - 110 เซนติเมตร ( 37.5 - 43.5 นิ้ว)

ด้วยขนาดที่มีให้เลือกถึง 3 ขนาด คุณจึงมีตัวเลือกให้เลือกมากมาย สำหรับบางรุ่น มาพร้อมกับสายสะพาย ที่สามารถถอดออกได้ ทำให้คุณสะพายกระเป๋าใบนี้ได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น นอกเหนือจากการคล้องแขน ไม่ว่าจะเป็น สะพายข้าง สะพายไหล่ หรือ Crossbody

มาพร้อมกับ Material ที่มีให้เลือกทั้งหมด 18 แบบด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น หนังลูกวัว (Calfskin) ผ้าปัก , หนังแกะย่น (Crinkled sheepskin) , ผ้ายีนส์ปัก, หนังลูกวัวลายเกรน, หนังลูกวัวลายนูนเฉียง, กำมะหยี่ปักเฉียง, ผ้าแจ็คการ์ด , Patent calfskin ผ้าซาติน, ผ้าเชียร์ลิ่ง, หนังแพะมัน, หนังลูกวัวเรียบ, หนังลูกวัวนุ่ม, งานปัก Tie & Dior, ผ้ากำมะหยี่

และสีสันที่มีให้เลือกมากมาย Black, Indigo blue, Indigo velvet, Cloud blue, Dark denim, Denim blue, Steel gray, Gray, Platinum, Latte, White, Chalk white, Sage, Cream, Camel, Brown oblique, Dark tan, Blush, Angel pink, Pink, Mallow rose, Cherry red, Scarlet red, Burgundy oblique, Amaranth, Green multicolor, Green, Green oblique, Denim Oblique, Blue Oblique, Blue multicolor

ในส่วนของอะไหล่ Hardwear นั้น มีให้เลือก 3 แบบ คือพื้นผิวด้าน (Matte finish) สีโบราณ (antique finish) และพื้นผิว rhinestone ผิวด้านมีหลายสีและมักจะเป็นสีเดียวกับตัวกระเป๋า สำหรับสีโบราณ มีทั้งสีเงินและสีทอง รวมถึงการตกแต่งพิเศษด้วยคริสตัล

ในส่วนของสายสะพายนั้น กระเป๋า Saddle สามารถสะพายแบบคล้องแขน หรือเพิ่มเติมด้วยสายสะพายข้างเพื่อความเก๋ไก๋ หรือผู้ที่ต้องการความหรูหราเป็นพิเศษ โดยสายสะพายนี้ ยังสามารถใช้งานร่วมกับกระเป๋ารุ่น Lady Dior, Bobby Bag และกระเป๋า Montaigne 30 ได้อีกด้วย โดยสายสะพายมีหลากหลายตัวเลือก ทั้งสี และวัสดุ สายสะพายไม่สามารถปรับระดับได้ ราคาจำหน่ายจะอยู่ที่ $1,100 ถึง $1,950 (เป็นเงินไทยประมาณ 40,600 บาท ถึง 72,000 บาท)

ข้อแตกต่างระหว่างรุ่นดั้งเดิม และรุ่นปรับปรุงใหม่

The Original - ดีไซน์ของ Galliano มีลักษณะโค้งเป็นรูปไต และมีสายรัดแบบสั้นแบบถอดได้ซึ่งออกแบบมาให้สวมกระชับใต้วงแขน และประดับด้วยตัวล็อค CD ด้านในมีซับผ้า มีช่องใส่ของด้านหลัง และช่องซิปด้านใน สินค้าต้นฉบับช่วงต้นยุค 20 เหล่านี้มีสไตล์ที่หลากหลาย

The Reissued - กระเป๋ารุ่นใหม่จะแตกต่างจากรุ่นดั้งเดิม ตรงที่ตัวล็อคจะเป็นกระดุมแม่เหล็ก และบุด้วยหนังกลับ ด้วยการผสมผสานร่วมสมัยกระเป๋ารุ่นใหม่มาพร้อมกับสายสะพายที่โดดเด่นหลากหลายแบบเพื่อปรับแต่งกระเป๋าของคุณให้มีลูกเล่นมากยิ่งขึ้น

ด้วยส่วนโค้งเว้า สายสั้น และรูปตัว D แบบห้อย ทำให้กระเป๋า Dior Saddle Bag เป็นหนึ่งในกระเป๋าถือจากดีไซเนอร์ที่มีเอกลักษณ์มากที่สุดในทศวรรษที่ผ่านมา Saddle Bag เปิดตัวสู่ร้านบูติกในช่วงเปลี่ยนผ่านของสหัสวรรษ โดยได้รวบรวมสุนทรียภาพในช่วงปลายยุค 90/ต้นยุค 00 ที่ทำให้โลกตะลึงอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะหลุดจากวงการแฟชั่นในช่วงปี 2007 และกลับมาอีกครั้งอย่างสมเกียรติในปี 2018 ในฐานะ It-Bag ด้วยความช่วยเหลือจากครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ของ Dior Maria Grazia Chiuri

นับตั้งแต่เปิดตัวอีกครั้ง Saddle Bag เวอร์ชัjนวินเทจดั้งเดิมก็มีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วบนตลาดซื้อขายแบรนด์เนมมือสอง ที่ SF Brandname เรามีกระเป๋าอานม้าจาก Dior ไว้คอยต้อนรับ รวมถึงสินค้าแบรนด์เนมอื่น ๆ อีกหลายรายการพร้อมเสิร์ฟและให้บริการคุณแบบครบวงจร โดยรับประกันความเป็นของแท้ 100% ด้วย Warranty Card เพื่อรับประกันว่าสินค้าจากเราเป็นของแท้

พร้อมด้วยบริการรับฝากซื้อฝากขายและจำนำกระเป๋าและสินค้าแบรนด์เนมทุกชนิด ตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์มากกว่า 10 ปี คุณจึงเชื่อใจได้ว่า ซื้อขายกับ SF Brandname จะไม่ทำให้คุณผิดหวังอย่างแน่นอน สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้จากช่องทางดังต่อไปนี้

• Facebook : sfbrandname
• Line : @sfbrandnamebkk
• Tel : 02-821-6444