We collected for your

ITEM FOR YOU

Recommend for you
Highlight for you

Hermès

Clic Clac H PHW

17,900 THB

Gucci

Gucci Dionysus

62,900 THB

MCM

Belt Bag

11,900 THB
View All Recommend
View All Highlighted

Product For All

PICK YOUR ITEM

Link Find a Store

FIND A STORE

แหล่งรวมสินค้าแบรนด์เนม ที่เป็นศูนย์กลางการซื้อ ขายและฝากขาย สินค้าใกล้คุณ

ดูเพิ่มเติม

SELL MY BAG

รับซื้อ ฝากขายสินค้าแบรนด์เนมประเมินอย่างยุติธรรม การันตีให้ราคาดีที่สุด

ดูเพิ่มเติม
Link sell my bag

TRADE MY BAG

รับเปลี่ยนคืนสินค้าที่ซื้อแล้วเป็นเปอร์เซ็นต์ของราคาซื้อ เพื่อนำกลับไปช้อปสินค้าต่อ

Link Trade my bag

Fashion Blogs news

BLOG FOR ALL

ตัวแม่งบ 1 แสนบาท ซื้อ LV รุ่นใดได้บ้าง กระเป๋า Louis Vuitton แบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความคงทนและรูปลักษณ์การออกแบบอันแสนคลาสสิก แบรนด์เก่าแก่อันเป็นจุดเริ่มต้นของการเข้าสู่วงการแบรนด์เนมครั้งแรกในชีวิตของหลาย ๆ คน ปัจจุบันผลิตภัณฑ์เครื่องหนังจาก Louis Vuitton ได้รับการปรับปรุงและตีความใหม่ โดยยึดรูปแบบและแรงบันดาลใจที่ยังคงความคลาสสิกมาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งแบรนด์ ในบทความนี้ SF Brandname ขอแนะนำ กระเป๋า LV 8 รุ่น ที่ควรค่าแก่การเป็นเจ้าของ ในงบ 1 แสนบาทมีทอน   Micro Chantilly กระเป๋ารุ่น Micro Chantilly รูปทรงโดดเด่นขนาดเล็กน่ารักได้แรงบันดาลใจจากกระเป๋ารุ่น Chantilly แบบดั้งเดิมที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 1978 กระเป๋า Monogram แคนวาสเสริมลุคสวยมีสไตล์ตอบโจทย์การใช้งานและตกแต่งดีเทลประณีต สายสะพายแบบถอดออกและปรับความยาวได้สำหรับสะพายไหล่หรือสะพายเฉียงได้ลงตัว มาพร้อมกับขนาด 12.5 x 13 x 4 เซนติเมตร ตัดเย็บจากผ้าใบลวดลาย Monogram แคนวาส แต่งขอบด้วยหนังคาวไฮด์ธรรมชาติ ภายในบุด้วยไมโครไฟเบอร์ Gold Hardwear ตัวกระดุมสำหรับเปิด-ปิดกระเป๋าเป็นแม่เหล็ก สายสะพายสามารถถอดออกและปรับได้ ความยาวอยู่ที่ระหว่าง 40-50 เซนติเมตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 60,500 บาท   Hide and Seek กระเป๋ารุ่น Hide & Seek รังสรรค์จากหนัง Epi ลายเกรนหลากสีสันทันสมัย ชวนให้นึกถึงตำนานของเมซงและการผสานกลิ่นอายมรดกอันทรงคุณค่าที่สะท้อนผ่านหูจับหนัง Toron กลมมนและตัวล็อกแบบ S lock หุ้มหนัง กระเป๋าที่มีพื้นที่กว้างเหมาะสำหรับใช้งานตั้งแต่เช้าจรดค่ำยกระดับให้ทุกลุคดูงดงาม มาพร้อมสายสะพายแบบถอดออกได้ เลือกถือหรือสะพายเฉียงตามต้องการ มาพร้อมกับขนาด 21 x 15 x 8 เซนติเมตร มีจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 4 สีคือ สีเขียว Vert Noto สีขาว Quartz สีม่วง Lilas Provence และสีดำ Noir วัสดุหนังลูกวัวคาวไฮด์ Epi ลายเกรน (หนังลายไม้) แต่งขอบด้วยหนังคาวไฮด์ผิวเรียบ ภายในบุด้วยไมโครไฟเบอร์ ฮาร์ดแวร์สีทอง ตัวล็อกแบบ S lock สายสะพายสามารถถอดออกและปรับได้ ความยาวระหว่าง 53-57 เซนติเมตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 98,500 บาท   Boulogne กระเป๋าอเนกประสงค์รุ่น Boulogne รังสรรค์จาก Monogram แคนวาสแสนคลาสสิก มาพร้อมสายสะพายแบบถอดออกได้ เลือกสะพายเฉียงหรือสะพายไหล่ได้ทั้งแบบสายสั้นและสายยาว เมื่อถอดสายสะพายออกสามารถปรับเป็นกระเป๋าคล้องสายโซ่เส้นเล็กหรือกระเป๋าคลัทช์สำหรับโอกาสทางการได้ ตัวกระเป๋าแต่งซิปคู่และเสริมช่องกระเป๋าแบนเรียบขนาดใหญ่ด้านในที่เก็บ โทรศัพท์มือถือ I-phone รุ่น Pro Max ได้พอดี มาพร้อมกับขนาด 29 x 16 x 9.5 เซนติเมตร มีจำหน่าย 2 แบบ ในวัสดุผ้าใบ Monogram Canvas แต่แตกต่างกันที่แต่งขอบสีดำและสีคาวไฮน์ธรรมชาติตรงมุมกระเป๋าทั้ง 4 ด้าน แต่งขอบด้วยหนังคาวไฮด์ ภายในบุด้วยผ้า ฮาร์ดแวร์สีทอง ช่องกระเป๋าแบนเรียบด้านใน สายสะพายสามารถถอดออกและปรับได้ ความยาวระหว่าง 31-50 เซนติเมตร และสายโซ่ สามารถถอดออกได้เช่นกัน ความยาวของสายโซ่อยู่ที่ 25 เซนติเมตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 91,500 บาท   Palm Springs Mini กระเป๋าสะพายหลังรุ่น Palm Springs Mini เพิ่มลูกเล่นใหม่ๆ ให้กับวัสดุ Monogram แคนวาสอันเป็นเอกลักษณ์ของเมซง เปลี่ยนสไตล์ให้กลายเป็นกระเป๋าซิตี้แบ็กนำเทรนด์ แต่งขอบด้วยหนังเนื้อนิ่มและฮาร์ดแวร์สีทอง กระเป๋าขนาดใหญ่คือแอคเซสเซอรี่ที่ขาดไม่ได้สำหรับนักเดินทางคนเมืองที่ชื่นชอบสไตล์สปอร์ต สายสะพายบุโฟมด้านในใช้ได้หลายรูปแบบทั้งสะพายไหล่และสะพายเฉียง มาพร้อมกับขนาด 17 x 22 x 10 เซนติเมตร มีจำหน่าย 2 ขนาดคือ ขนาด Mini และขนาด MM แต่งขอบด้วยหนังคาวไฮด์ธรรมชาติย้อมสีพร้อมแผ่นโฟมรองหลัง ภายในบุด้วยผ้า ฮาร์ดแวร์สีทอง สายสะพายหนัง 2 เส้นสามารถปรับระดับและถอดออกได้สำหรับสะพายหลังหรือสะพายเฉียง (ความยาว: 51 - 56 เซนติเมตร/20 - 22 นิ้ว) ซิปรูดเปิด-ปิด ห่วงคล้องหนัง ช่องกระเป๋าด้านหน้ามีซิป ช่องกระเป๋าด้านในแบนเรียบ ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 89,500 บาท   Petit Noe กระเป๋าทรงถัง Petit Noé ย้อนกลับไปสู่ดีไซน์ในปี ค.ศ. 1932 ผู้ผลิตแชมเปญขอให้แกสตัน-หลุยส์ วิตตองพัฒนากระเป๋าที่ดูมีสไตล์และทนทาน ซึ่งเขาสามารถบรรจุขวดแชมเปญได้ห้าขวด ขนาดกะทัดรัด ภายใต้ผืนผ้าใบ Monogram อันเป็นเอกลักษณ์นี้ยังคงคุณลักษณะที่สำคัญของรุ่นดั้งเดิม เช่น รูปทรงอันเป็นเอกลักษณ์ ความจุที่กว้างขวาง มีเชือกรูดปิด แต่ถูกนำมาตีความขึ้นใหม่ เพื่อให้เข้ากับยุคสมัยแฟชั่นในปัจจุบัน สายหนังปรับได้เพื่อให้สะพายไหล่หรือสะพายข้างได้สบาย มาพร้อมกับขนาด 27 x 27 x 21 เซนติเมตร แต่งขอบด้วยหนังคาวไฮด์ ภายในบุด้วยผ้า ฮาร์ดแวร์สีทอง รูดเปิด-ปิดกระเป๋าด้วยเชือกหนัง ฐานของกระเป๋ามีหมุดเหล็ก 4 ด้าน ป้องกันการสึกหรอ สายสะพายสามารถถอดออกและปรับได้ ความยาวอยู่ที่ระหว่าง 26-32 เซนติเมตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 73,500 บาท   Loop กระเป๋ารุ่น Loop สร้างสรรค์โดย Nicolas Ghesquière สำหรับคอลเล็คชั่น Cruise 2022 ในดีไซน์ แบบจันทร์ครึ่งเสี้ยวที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกระเป๋ารุ่น Croissant ผลงานดั้งเดิมของเมซง ขนาดกะทัดรัดเข้ากับสรีระมาพร้อมสายโซ่สำหรับสะพายไหล่และสายหนังสำหรับสะพายเฉียง ปิดท้ายด้วยหัวซิป LV Circle บนช่องกระเป๋าด้านหน้า มาพร้อมกับขนาด 23 x 13 x 6 เซนติเมตร แต่งขอบด้วยหนังคาวไฮด์เอจธรรมชาติ ภายในบุด้วยไมโครไฟเบอร์ ฮาร์ดแวร์สีทอง ช่องกระเป๋าด้านหน้าพร้อมหัวซิป LV Circle ซิปรูดเปิด-ปิด สายสะพายสามารถถอดออกและปรับได้ ความยาวระหว่าง 35-50 เซนติเมตร สายโซ่ สามารถถอดออกได้ ความยาวอยู่ที่ 25 เซนติเมตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 87,000 บาท   Multi Pochette Accessoires กระเป๋ารุ่น Multi Pochette Accessoires กระเป๋าสะพายเฉียงแบบไฮบริดที่มาพร้อมกระเป๋าและช่องจำนวนมาก ภายในเซ็ตประกอบด้วยกระเป๋า Pochette Accessoires กระเป๋า Mini Pochette Accessoires และกระเป๋าใส่เหรียญทรงกลม ทั้งหมดรังสรรค์จาก Monogram แคนวาสพิมพ์ลาย Monogram ขนาดเล็กด้านข้างกระเป๋าใบเล็กทั้งสองใบ มาพร้อมสายโซ่สีทองแบบถอดออกได้และสายสะพายปรับได้ทอสัญลักษณ์หลุยส์ วิตตองด้วยเทคนิคแจ็คการ์ด เพิ่มตัวเลือกในการใช้งานได้หลากหลายสไตล์ ตัวกระเป๋าหลักมีขนาด 24 x 13.5 x 4 เซนติเมตร ส่วนกระเป๋าใส่เหรียญทรงกลมมีซิปสามารถถอดออกได้ มีขนาด ยาว 9 x สูง 9 x กว้าง 2 เซนติเมตร กระเป๋า Mini Pochette สามารถถอดออกได้: ยาว 18.5 x สูง 10.5 x กว้าง 3  เซนติเมตร แต่งขอบด้วยหนังคาวไฮด์ธรรมชาติ สายสะพายสามารถถอดออกและปรับระดับได้  ความยาวระหว่าง 37-56 เซนติเมตร สายโซ่ สามารถถอดออกได้ ความยาว 24 เซนติเมตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่  96,500 บาท   Saumur BB กระเป๋ารุ่น Saumur BB พลิกโฉมจากดีไซน์คลาสสิกอันเป็นที่รักสู่สไตล์ทันสมัย กระเป๋าทรง saddle รังสรรค์จาก Monogram แคนวาส ตกแต่งบัคเคิลหนังคาวไฮด์ธรรมชาติชวนให้นึกถึงจิตวิญญาณของนักขี่ม้า บัคเคิลด้านหน้าซ่อนฝาพับแถบแม่เหล็กสไตล์โมเดิร์นเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ด้านในมีช่องสำหรับพกพาสิ่งของจำเป็นประจำวัน กระเป๋าขนาดกะทัดรัดใช้งานได้หลายสไตล์ด้วยสายสะพายและหูจับที่สามารถถอดออกได้ นอกจากกระเป๋ารุ่นนี้ จะจำหน่ายในรูปแบบภายใต้ผืนผ้าใบ Monogram อันเป็นเอกลักษณ์แล้ว ยังมีจำหน่ายในรูปแบบของกระเป๋าหนัง Epi หรือลายไม้ที่เรารู้จักคุ้นเคยกันดี โดยมีจำหน่ายด้วยกันทั้งหมด 3 สีคือ สีขาว Quartz สีส้ม Safran และสีดำ Noir โดยราคาจำหน่ายของรุ่น Epi จะอยู่ที่ 98,500 บาท มาพร้อมกับขนาด 20 x 16 x 7.5 เซนติเมตร บัคเคิล (สายรัดกระเป๋า) หนังคาวไฮด์ธรรมชาติพร้อมแม่เหล็ก สำหรับเปิด-ปิดกระเป๋า ช่องกระเป๋าแบบแบนเรียบด้านหลัง สายสะพายสามารถถอดออกและปรับได้ ความยาวระหว่าง 44-51 เซนติเมตร ราคาจำหน่ายของรุ่น Monogram อยู่ที่ 89,500 บาท   นอกเหนือจากกระเป๋าทั้ง 8 รุ่นที่ SF Brandname นำเสนอไปเบื้องต้นแล้ว ยังมีกระเป๋าจาก Louis Vuitton อีกหลายรุ่น หลายราคา พร้อมต้อนรับลูกค้าทุกท่าน บนแพลตฟอร์มของ SF Brandname ด้วยการการันตีความเป็นของแท้ 100% พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญ ที่จะให้คำแนะนำของคุณ ตลอดการซื้อขาย รวมถึงบริการเกี่ยวกับสินค้าแบรนด์เนมครบวงจร หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดกับเราได้ที่ช่องทางดังต่อไปนี้ Facebook : sfbrandnameIG : sfbrandnameLine : @sfbrandnamebkk

Rolex 6 รุ่น เปิดตัวใหม่ฉ่ำ ๆ ต้อนรับปี 2024 Rolex นำเสนอความกลมกลืนอันเป็นเอกลักษณ์ของวัสดุ สีสัน และพื้นผิว แสดงให้เห็นถึงความปรารถนาของแบรนด์ ที่จะปลุกอารมณ์ความรู้สึกของการผลิตนาฬิกาอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็แสดงให้เห็นถึงคุณภาพที่แน่วแน่จนถึงรายละเอียดที่เล็กที่สุด ด้วยความเชี่ยวชาญด้านการผลิตนาฬิกาอันสืบทอดมาอย่างยาวนาน ความสมดุลที่ลงตัวระหว่างฟังก์ชันการทำงานและสุนทรียศาสตร์ ประสิทธิภาพและความล้ำค่า ประเพณีและนวัตกรรม กับ 6 รุ่นเปิดตัวใหม่   GMT-Master II 40 mm. พร้อมกับหน้าปัดสีดำและขอบหน้าปัด Cerachrom จากเซรามิกสีเทาและสีดำ นอกจากเข็มแสดงชั่วโมง นาที และวินาทีแบบนาฬิกาทั่วไปแล้ว GMT-Master II ยังมีเข็มนาฬิกาปลายลูกศรที่หมุนเป็นวงกลมรอบหน้าปัดทุก 24 ชั่วโมง พร้อมขอบหน้าปัดแสดงเวลา 24 ชั่วโมงที่หมุนได้สองทิศทาง ระบบกันน้ำ Triplock สามชั้นแบบยึดด้วยสกรู แซฟไฟร์ป้องกันรอยขีดข่วน ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 3285 ระบบไขลานอัตโนมัติ สำรองพลังงานได้ประมาณ 70 ชั่วโมง เข็มแสดงเวลา 24 ชั่วโมงที่มีสีที่โดดเด่นจะแสดงเวลาอ้างอิงที่เป็น “ถิ่นพำนัก” ในเขตเวลาที่หนึ่ง ซึ่งอ่านได้จากขีดแบ่งบนขอบตัวเรือน ส่วนเวลาท้องถิ่นของนักเดินทางสามารถปรับตั้งได้อย่างง่ายดายโดยการตั้งแบบ "กระโดดข้าม" ทีละชั่วโมง และเนื่องจากนาฬิกามีกลไกที่ทำงานผ่านเม็ดมะยมไขลาน จึงทำให้เข็มชั่วโมงสามารถปรับเดินหน้าหรือถอยหลังได้โดยไม่ส่งผลต่อเข็มนาทีและเข็มวินาที จึงช่วยให้นักเดินทางสามารถปรับตั้งเวลาเข้ากับเขตเวลาใหม่ได้โดยไม่กระทบต่อความเที่ยงตรงของนาฬิกา หน้าปัดเคลือบเงาสีดำ พร้อมสลักคำว่า ‘GMT-Master II’ สีเขียวไว้ สีนี้ยังใช้กับเข็มแสดงเวลา 24 ชั่วโมงด้วย เฉกเช่นนาฬิกา Rolex สำหรับมืออาชีพทุกเรือน GMT-Master II มาพร้อมหน้าปัดโครมาไลท์ที่ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถอ่านเวลาได้อย่างยอดเยี่ยมในทุกสภาพแวดล้อม โดยเฉพาะในที่มืด ตัวเรือนสตีล Oystersteel ที่แบรนด์พัฒนาขึ้นเป็นพิเศษอยู่ในตระกูลสตีล 904L มีความทนทานอย่างยิ่ง มอบความเงางามเป็นพิเศษหลังการขัด และยังคงความงามแม้ในสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายที่สุด สายนาฬิกา Oyster ประกอบด้วย Oysterlock ชุดตัวล็อกแบบพับได้ที่ป้องกันการเลื่อนเปิดออกโดยไม่ตั้งใจ และระบบขยายความยาวสาย Easylink ที่มีพิเศษเฉพาะของ Rolex ระบบอันชาญฉลาดนี้ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถปรับขยายความยาวของสายนาฬิกาได้อีกประมาณ 5 มม. สามารถกันน้ำได้ 100 เมตร (330 ฟุต) ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 406,200 บาท   Day-Date 40 , 40 mm. หน้าปัดขนาด 40 มิลลิเมตร โดดเด่นด้วยขอบหน้าปัดแบบร่องของ Rolex เป็นสัญลักษณ์ของความแตกต่าง แต่เดิมร่องของขอบหน้าปัด Oyster มีขึ้นด้วยวัตถุประสงค์ด้านการใช้งาน โดยทำหน้าที่ยึดขอบหน้าปัดลงบนตัวเรือนเพื่อประกันประสิทธิภาพในการกันน้ำของนาฬิกา ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 3255 สำรองพลังงานได้ประมาณ 70 ชั่วโมง ดังนั้น จึงเหมือนกับร่องบริเวณตัวเรือนด้านหลัง ซึ่งต้องใช้เครื่องมือพิเศษเฉพาะของ Rolex ในการสกรูลงบนตัวเรือนเพื่อการกันน้ำ แต่เมื่อเวลาผ่านไปการเซาะร่องได้กลายเป็นองค์ประกอบที่มีความงดงาม และเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของ Rolex อย่างแท้จริง ปัจจุบันขอบหน้าปัดแบบร่องเป็นสัญลักษณ์ของความแตกต่าง Day-Date 40 เรือนนี้ทำจากทองคำ ที่รังสรรค์ขึ้นจาก Everose gold 18 กะรัต มาพร้อมหน้าปัดสีเทาอมน้ำเงินออมเบร ซึ่งเป็นเฉดสีใหม่สำหรับหน้าปัดนี้ เปิดตัวครั้งแรกในปี 2005 เอเวอโรส 18 กะรัตได้รับการนำมาใช้กับนาฬิกา Rolex ทุกรุ่นในสีพิงค์โกลด์ โดยดีไซน์นี้ได้เผยให้เห็นการผันเปลี่ยนอันละเอียดอ่อนจากสีสว่างตรงกลางหน้าปัดไปสู่สีดำมืดตรงขอบ นอกจากนี้ ยังนับเป็นครั้งแรกที่มีเลขโรมันแบบแยกส่วนทรงเหลี่ยมมุม และเครื่องหมายบอกชั่วโมงแบบเหลี่ยมมุมจากพิงค์โกลด์ 18 กะรัตบนหน้าปัดแบบออมเบรเรือนนี้ เม็ดมะยมไขลาน ระบบกันน้ำ TwinLock สองชั้นแบบยึดด้วยสกรู กระจกเลนส์หน้าปัด Cyclops ทำจากแซฟไฟร์ป้องกันรอยขีดข่วนครอบอยู่เหนือวันที่ สามารถกันน้ำได้ 100 เมตร (330 ฟุต) ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,784,800 บาท   1908 , 39 mm. หน้าปัดขนาด 39 มิลลิเมตร ไอซ์บลูตกแต่งลวดลายกิโยเช่ลายเม็ดข้าว ดีไซน์แบบโรเซตต์นี้โดดเด่นด้วยรูปทรงเรขาคณิตสามมิติที่ซ้ำซ้อนกันและขยายไปทั่วพื้นผิวของหน้าปัดโดยเริ่มจากส่วนแสดงวินาทีขนาดเล็กในตำแหน่ง 6 นาฬิกา พร้อมทั้งขีดบอกนาทีรอบวงหน้าปัดยังตกแต่งด้วยขอบลายกิโยเช่อันประณีตในทุกรายละเอียด ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 7140 หน้าปัดสุดพิเศษนี้มีตัวเลขอารบิก 3, 9 และ 12 เครื่องหมายบอกชั่วโมงแบบเหลี่ยมมุม และเข็มนาฬิกา ที่ล้วนแต่เป็นแบบเดียวกับนาฬิการุ่นทองคำ 18 กะรัต หน้าปัดสีพิเศษนี้สามารถพบได้เฉพาะในนาฬิกา Day-Date นาฬิกา Cosmograph Daytona และนาฬิกา Perpetual 1908 แพลทินัมเป็นโลหะล้ำค่าและหายาก โดดเด่นสะดุดตาด้วยสีเงินที่สว่างบริสุทธิ์และเปล่งประกาย หนึ่งในโลหะที่หนาแน่นที่สุดและหนักที่สุดในโลก แยกความแตกต่างได้จากคุณสมบัติเฉพาะทางด้านเคมีและกายภาพ เช่น การทนทานต่อการกัดกร่อนที่มากเป็นพิเศษ นาฬิกา 1908 รุ่นนี้มาพร้อมกับสายหนังจระเข้ สายหนังอันงามสง่าที่โดดเด่นด้วยการบุซับในสีเขียวที่ทำจากหนังลูกวัว และเย็บแบบไล่สี มาพร้อมชุดตัวล็อกแบบคู่ ซึ่งเป็นตัวล็อกแบบบานพับคู่จากแพลทินัม โดยได้รับการออกแบบมาอย่างดี เพื่อให้ชุดตัวล็อกแบบคู่อยู่ตรงกลางข้อมือเสมอ พลังงานสำรองประมาณ 66 ชั่วโมง สามารถกันน้ำได้ 50 เมตร (165 ฟุต) ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,152,100 บาท   Rolex Deepsea , 44 mm. Rolex Deepsea ช่วยให้นักดำน้ำสามารถควบคุมเวลาดำน้ำและเวลาขณะคายแรงดันได้อย่างเที่ยงตรงและปลอดภัย เครื่องหมายทรงสามเหลี่ยมที่มาร์คเกอร์ “ศูนย์” ยังสามารถมองเห็นได้ในความมืด แหวนอัด หน้าปัด และขอบหน้าปัด Cerachrom ตกแต่งด้วยสีน้ำเงินทำจากเซรามิก หลากหลายเฉดที่บรรจงเลือกสรรให้เข้ากันกับโทนสีของผืนมหาสมุทรและขับความโดดเด่นให้ยิ่งฉายชัดด้วยตัวเรือนและสายนาฬิกา Oyster ที่ทำจากทองคำ 18 กะรัต หน้าปัด ขนาด 40 มิลลิเมตร เคลือบเงาสีน้ำเงินพร้อมด้วยชื่อ 'DEEPSEA' แต่งด้วยผงสีเหลือง หน้าปัดโดดเด่นด้วยเครื่องหมายบอกชั่วโมงและเข็มนาฬิกาแบบโครมาไลท์ ที่เต็มไปด้วยสารเรืองแสงที่ปล่อยแสงสีฟ้าติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้สามารถอ่านเวลาในความมืดได้นานขึ้นกว่าเดิม สายนาฬิกา Oyster ประกอบด้วยชุดตัวล็อก Oysterlock เพื่อป้องกันสายนาฬิกาเลื่อนเปิดออกโดยไม่ตั้งใจ และระบบ Glidelock อันชาญฉลาดเพื่อการปรับความยาวของสายนาฬิกาได้อย่างง่ายดายโดยไม่ต้องใช้เครื่องมือใดช่วย พร้อมเพิ่มความรู้สึกสบายให้แก่นักดำน้ำขณะสวมใส่ชุดดำน้ำ กระจก แซฟไฟร์ป้องกันรอยขีดข่วน หนา 5.5 มม. ทรงโดม ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 3235 สามารถสำรองพลังงานได้ประมาณ 70 ชั่วโมง กันน้ำลึกได้จนถึงระดับ 3,900 เมตร / 12,800 ฟุต, วาล์วคายฮีเลียม ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,980,000 บาท   Cosmograph Daytona , 40 mm. Cosmograph Daytona ในเวอร์ชันทองคำ 18 กะรัต มาพร้อมขอบตัวเรือน Cerachrom และสาย Oysterflex นวัตกรรมนี้ได้รับการพัฒนาและจดสิทธิบัตรโดย Rolex มันผสมผสานความทนทานของสายนาฬิกาโลหะและความสบายของสายอีลาสโตเมอร์ได้อย่างน่าทึ่ง ตัวเรือน Oyster ขนาด 40 มิลลิเมตร มาพร้อมขอบตัวเรือนที่ประดับด้วยเพชรทรงสี่เหลี่ยมคางหมู 36 เม็ด ทองคำขาวและเพชร เม็ดมะยมไขลาน ระบบกันน้ำ Triplock สามชั้นแบบยึดด้วยสกรู คริสตัล แซฟไฟร์ป้องกันรอยขีดข่วน ขับเคลื่อนด้วยกลไก calibre 4131 โดดเด่นด้วยหน้าปัดสตีล ประดับเพชร ที่มากับหน้าปัดย่อยลายก้นหอย มาร์คเกอร์ชั่วโมงที่ใช้ตกแต่งและเข็มนาฬิกาจากทองคำ 18 กะรัต พร้อมหน้าปัดโครมาไลท์ ซึ่งเป็นสารเรืองแสงที่ช่วยให้การอ่านเวลาเป็นไปอย่างสะดวกง่ายดาย สำรองเวลาได้ประมาณ 72 ชั่วโมง กันน้ำได้ 100 เมตร (330 ฟุต) ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 4,350,600 บาท   Sky-Dweller , 42 mm. ตัวเรือนรุ่น Oyster ขนาด 42 มิลลิเมตร เอเวอร์โรสโกลด์ ตัวเรือนตรงกลาง Monobloc, ด้านหลังตัวเรือนและเม็ดมะยมที่ยึดด้วยสกรู คริสตัล เลนส์ Cyclops ทำจากแซฟไฟร์ป้องกันรอยขีดข่วนครอบอยู่เหนือวันที่ มาพร้อมกับกลไก Calibre 9002 การไขลานอัตโนมัติสองทิศทางด้วยโรเตอร์ Perpetual ขอบหน้าปัดบนนาฬิการุ่น Sky-Dweller ประกอบด้วยระบบ Ring Command คือการทำงานร่วมกันระหว่างขอบหน้าปัดแบบหมุนได้ เม็ดมะยมไขลาน และกลไกการทำงานของนาฬิกาที่ช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถเลือกและตั้งค่าแต่ละฟังก์ชันของเรือนเวลาได้อย่างง่ายดาย รวดเร็ว และแม่นยำ มักทำจากทองคำหรือแพลทินัม สี่เหลี่ยมสีแดงเข้มบริเวณ 1 ใน 12 ช่องรอบหน้าปัดแสดงเดือนปัจจุบัน และโดดเด่นด้วยคุณลักษณะพิเศษของปฏิทินรายปี Saros กลไกอันชาญฉลาดนี้ทำให้ผู้สวมใส่ใช้ชีวิตได้อย่างเรียบง่ายโดยไม่จำเป็นต้องนึกถึงเรื่องการตั้งวันที่เมื่อสิ้นสุดเดือนที่มี 30 วัน และปฏิทินรายปีจะแสดงวันที่ได้อย่างถูกต้องตลอดทั้งปี โดยต้องปรับเพียงครั้งเดียวเท่านั้น คือวันที่ 1 มีนาคม (เนื่องจากเดือนกุมภาพันธ์มีเพียง 28 หรือ 29 วัน) วันที่จะเชื่อมโยงกับเวลาท้องถิ่นและเปลี่ยนอัตโนมัติตามเขตเวลาท้องถิ่นของนักเดินทาง สายนาฬิกาโลหะแบบข้อต่อห้าชิ้นที่มีความยืดหยุ่นและสวมใส่สบายนี้ผ่านการออกแบบเป็นพิเศษสำหรับการเปิดตัว Oyster Perpetual Datejust ในปี 1945 สายนาฬิกา Jubilee ของนาฬิกาในรุ่นเหล่านี้ยังมาพร้อม Oysterclasp แบบพับได้ และระบบขยายความยาวสาย Easylink ที่พัฒนาโดย Rolex ซึ่งช่วยให้ผู้สวมใส่สามารถปรับเพิ่มความยาวของสายประมาณ 5 มม. ได้อย่างง่ายดาย พลังงานสำรอง ประมาณ 72 ชั่วโมง กันน้ำได้จนถึงระดับ 100 เมตร (330 ฟุต) ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,972,200 บาท   โดยนาฬิการุ่นใหม่ทั้ง 6 รุ่นดังกล่าว เปิดตัวอย่างเป็นทางการ ในงาน Watch and Wonders งานอีเวนต์ที่สำคัญที่สุด ในอุตสาหกรรมแวดวงนาฬิกา ซึ่งจัดขึ้น ณ เมืองเจนีวา ประเทศสวิตเซอแลนด์ โดยในปีนี้ ทางแบรนด์ได้นำเสนอนาฬิการะดับไอคอนของแบรนด์ ภายใต้รูปลักษณ์ใหม่ ผ่านการผสมผสานวัสดุ สีสันและพื้นผิว ด้วยวัสดุเปี่ยมไปด้วยคุณภาพและมูลค่า ซึ่งทาง Rolex ได้ทำงานอย่างหนัก เพื่อผลงานล้ำค่า ซึ่งการจัดงานครั้งนี้ ช่วยเปลี่ยนให้เจนีวา เป็นเมืองหลวงของโลกนาฬิกาอย่างไม่ต้องสงสัย บนแพลตฟอร์มของ SF Brandname การการันตีความเป็นของแท้ 100% เป็นเรื่องสำคัญ พร้อมด้วยผู้เชี่ยวชาญ ที่จะให้คำแนะนำของคุณ ตลอดการซื้อขาย รวมถึงบริการเกี่ยวกับสินค้าแบรนด์เนมครบวงจร หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดกับเราได้ที่ช่องทางดังต่อไปนี้ Facebook : sfbrandnameIG : sfbrandnameLine : @sfbrandnamebkk

8 รุ่น Timeless Classic Chanel Watch สวยบาดตาราคาบาดใจ นอกเหนือจากเครื่องหนังและกระเป๋า Chanel Classic Flap ซึ่งโด่งดังและติดอันดับหนึ่งในกระเป๋าที่ได้รับความนิยมที่สุดในโลก ในโลกของ Chanel ยังมีอีกหลายเวทมนต์ที่มาดมัวแซลได้ร่ายเอาไว้เพื่อให้เราได้ทำการค้นหา หนึ่งในนั้นคือนาฬิกา ที่ถูกบรรจงสรรสร้างขึ้นมา พร้อมอัดแน่นไปด้วยเรื่องราว อันสื่อถึงความเป็นเอกลักษณ์และประวัติศาสตร์ของแบรนด์ ขอนำเสนอ นาฬิกา 8 เรือนจากชาแนล ที่ได้รับความนิยมไม่เสื่อมคลาย   Premiere Edition Originale ตัวเรือนสตีลเคลือบด้วยเยลโลว์โกลด์ 18K (0.1 ไมครอน) หน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีดำ ขนาด 26.1 x 20 x 7.6 เซนติเมตร ตัววัสดุที่นำมาผลิตนาฬิกาเป็นเคลือบทองผสมผสานกับหนังลูกวัวบนสายนาฬิกา ที่สวยงามอย่างลงตัวและสื่อถึงเอกลักษณ์ของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี เม็ดมะยมทำจากเหล็กเคลือบด้วยเยลโลว์โกลด์ 18K (0.1 ไมครอน) พร้อมโอนิกซ์หลังเบี้ย มาพร้อมกับกลไก ควอทซ์ที่มีความแม่นยำสูง สามารถกันน้ำได้ที่ความลึก 30 เมตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 238,000 บาท   J12 ตัวเรือนเซรามิกความทนทานสูงสีดำและสตีล ขนาด 33 มิลลิเมตรหน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีดำ ประดับเพชรสำหรับแสดงเวลา 12 เม็ด (~0.06 กะรัต) ขอบหน้าปัดทำจากเหล็กหมุนได้ทิศทางเดียว ผลิตจากวัสดุ เซรามิกสีดำ Steel และเพชร เม็ดมะยมสตีลแบบขันเกลียว เซรามิกความทนทานสูงสีดำทรงหลังเบี้ย สายข้อมือเซรามิกความทนทานสูงสีดำ หัวล็อคทำจากเหล็กกล้าแบบพับสามทบ ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 12.2 แบบไขลานอัตโนมัติ กันน้ำได้ 200 เมตร ราคาจำหน่ายเริ่มต้นอยู่ที่ 291,000 บาท J12 Baguette Diamond Bezel ขอบตัวเรือนสตีลแบบคงที่ สำหรับแสดงเวลา ประดับเพชรเจียระไนทรงบาแก็ตต์ 12 เม็ด (~0.20 กะรัต) หน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีขาว เม็ดมะยมไวท์โกลด์ 18K แบบไม่ขันเกลียว ประดับเพชรเจียระไนทรงบริลเลียนท์ 1 เม็ด (~0.10 กะรัต)สายข้อมือเซรามิก ความทนทานสูง และหัวล็อคสตีลแบบพับสามทบ ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 12.1 แบบไขลานอัตโนมัติ กันน้ำได้ 50 เมตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 3,605,000 บาท   Boy Friend Skeleton มาพร้อมกับหน้าปัดขนาด 37 มิลลิเมตร แปลกตาด้วยความโปร่งใส ที่ทำให้สามารถมองเห็นกลไกด้านใน ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 3 แบบไขลานด้วยมือ หน้าปัดและตัวเรือนทำจากวัสดุ เบจโกลด์ 18K เม็ดมะยมเบจโกลด์ 18K ประดับโอนิกซ์หลังเบี้ย สายข้อมือเพิ่มความหรูหราด้วย หนังลูกวัวลายจระเข้สีดำมันเงาแบบถอดเปลี่ยนได้ และหัวล็อคเบจโกลด์ 18K แบบ Ardillon สามารถกันน้ำได้ 30 เมตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 1,729,000 บาท*สามารถปรับแต่งตัวเรือนได้ตามความชอบ   Premiere Iconic Chain หน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีดำ โดดเด่นด้วยตัวเรือนแปดเหลี่ยมทรงเอกลักษณ์ ซึ่งได้แรงบันดาลใจมาจากรูปทรงของจตุรัส ปลาซวองโดม ของประเทศฝรั่งเศส ตัวเรือนทำจากเหล็กกล้า Steel ขนาดหน้าปัด 19.7 มิลลิเมตร เม็ดมะยมหลังหลังโอนิกซ์ อีกสิ่งหนึ่งอันเป็นจุดเด่นของนาฬิการุ่นนี้คือ สายรัดข้อมือ interwoven with black leather แบบ 3 แถว ซึ่งสื่อให้เห็นเอกลักษณ์ความเป็น Chanel อย่างชัดเจน ขับเคลื่อนด้วยระบบควอทซ์ที่มีความแม่นยำสูง ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 205,000 บาท   Boy Friend หน้าปัดกิโยเช่โอปอลีน ตัวระบุวันที่ ขนาด 34.6 มิลลิเมตร ขอบตัวเรือนสตีลประดับเพชรเจียระไนแบบเหลี่ยมเกสร 64 เม็ด (~0.71 กะรัต) ตัวเรือน Steel case เม็ดมะยมสตีลประดับสปิเนลสีดำหลังเบี้ย สายหนังลูกวัวลายข้าวหลามตัด สีดำพร้อมระบบเปลี่ยนได้และตัวล็อคทำจากเหล็ก ardillon พร้อมสายที่สอง สามารถเปลี่ยนสลับได้ มาพร้อมกับระบบควอทซ์ที่มีความแม่นยำสูง สามารถกันน้ำได้ 30 เมตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 733,000 บาท   J12 Paradoxe เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในตระกูล J12 จาก Chanel โดดเด่นด้วยหน้าปัด 2 สี ขนาด 38 มิลลิเมตร ตัวเรือนเซรามิกและสตีลที่มีความทนทานสูงสีขาวและดำ หน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีดำและสีขาว เม็ดมะยมสตีลแบบขันเกลียว เซรามิกความทนทานสูงสีดำทรงหลังเบี้ย สายข้อมือเซรามิกความทนทานสูงสีขาว และหัวล็อคสตีลแบบพับสามทบ ขับเคลื่อนด้วยกลไก Calibre 12.1 แบบไขลานอัตโนมัติ สามารถกันน้ำได้ 50 เมตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 384,000 บาท   Premiere Ceramic อีกหนึ่งความหรูหราบนข้อมือของคุณ ที่ไม่ควรพลาด ตัวเรือนสตีลประดับเพชรเจียระไนแบบเหลี่ยมเกสร 52 เม็ด (~0.26 กะรัต) ทรงสี่เหลี่ยมอันเป็นเอกลักษณ์ของรุ่น Premiere ขนาด 19.7 มิลลิเมตร หน้าปัดเคลือบแลคเกอร์สีขาวล้อมรอบด้วยเพชร สายข้อมือทำจากวัสดุเซรามิกความทนทานสูงสีขาวผสมผสานกับสตีล เคลื่อนไหวด้วยระบบควอทซ์ที่มีความแม่นยำสูง สามารถกันน้ำได้ 30 เมตร ราคาจำหน่ายอยู่ที่ 310,000 บาท นอกจากนาฬิกาทั้ง 8 รุ่นที่นำเสนอไปแล้วนั้น Chanel ยังนำเสนอนาฬิกาอีกหลายรุ่น หลายคอลเล็กชั่น เพื่อค้นพบจักรวาลทั้งหมดของนาฬิกา CHANEL ผลงานสำหรับผู้ชายและผู้หญิงที่สะท้อนถึงความคิดสร้างสรรค์และความเชี่ยวชาญของแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็น J12 , Premiere , BOY-FRIEND , Code COCO หรือ Monsieur เลือกนาฬิกาที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคุณ บนแพลตฟอร์มของ SF Brandname การการันตีความเป็นของแท้ 100% เป็นเรื่องเราให้ความสำคัญ เราพร้อมบริการคุณ ด้วยแบรนด์เนมหลากหลายหมวดหมู่ด้วยผู้เชี่ยวชาญ ที่จะให้คำแนะนำของคุณ ตลอดการซื้อขาย รวมถึงบริการเกี่ยวกับสินค้าแบรนด์เนมครบวงจร หากคุณสนใจสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดกับเราได้ที่ช่องทางดังต่อไปนี้   Facebook : sfbrandnameIG : sfbrandnameLine : @sfbrandnamebkk  

Icon Sheild

ของแท้คือใจความสำคัญ

เราให้ความสำคัญกับสินค้าแท้ จึงใช้ Warranty Card เพื่อรับประกันว่าสินค้าจากเราเป็นของแท้อย่างแน่นอน

Icon Buying

การรับซื้อที่เป็นเลิศ

การขายกับเราจะได้รับเงินเร็วที่สุด และการการันตีถึงผู้ซื้อว่าได้รับสินค้าแท้ 100% เรามีทีมงานคอยตรวจสินค้าทุกชิ้น

Icon bubble comment

การบริการที่ยอดเยี่ยม

มอบประสบการณ์ที่ดีสุดสำหรับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นการจัดส่ง ที่รวดเร็วพร้อมบริการรับซื้อคืนสำหรับสินค้าที่ซื้อจากเรา